พื้นฐานของระบบไฟฟ้าในอาคาร และความสำคัญของระบบไฟฟ้าสำรอง
Key Takeaway
|
ระบบไฟฟ้าในอาคารคืออะไร? มีกี่ระบบ
ระบบไฟฟ้าในอาคารเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการทำงานของเครื่องจักรที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงการใช้ไฟฟ้าของพนักงานในการให้แสงสว่างและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน เนื่องจากระบบไฟฟ้ามีหน้าที่ส่งพลังงานไปยังอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย
การติดตั้งระบบไฟฟ้าในอาคารจึงต้องทำอย่างถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญสามารถออกแบบระบบไฟฟ้าให้เหมาะสมกับลักษณะของอาคารแต่ละแห่งได้อย่างครบถ้วน
ระบบไฟฟ้าในอาคารมีกี่ระบบ? โดยทั่วไปแล้วระบบไฟฟ้าในอาคารมี 3 ระบบหลักๆ ด้วยกัน คือ
1. ระบบไฟฟ้าแรงสูงและระบบไฟฟ้าแรงต่ำ
ระบบไฟฟ้าแรงสูงถูกออกแบบมาเพื่อจ่ายพลังงานไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยมักใช้ในโรงงานหรืออาคารที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าสูง ในขณะที่ระบบไฟฟ้าแรงต่ำจะใช้สำหรับการจ่ายไฟฟ้าที่มีแรงดันต่ำ ซึ่งมักใช้ในสำนักงานหรือพื้นที่ที่ต้องการการจ่ายไฟฟ้าในปริมาณน้อยกว่ามาก
2. ระบบแสงสว่างฉุกเฉิน
อุปกรณ์แสงสว่างสำรองภายในอาคารคือส่วนหนึ่งของระบบแสงสว่างและแสงสว่างฉุกเฉิน ได้รับการออกแบบให้มีการติดตั้งเพื่อให้แสงสว่างในกรณีที่เกิดเหตุไฟดับทั่วอาคาร
ซึ่งระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟดับ โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นแหล่งจ่ายไฟสำรอง ทำให้ไม่ต้องกังวลหากเกิดปัญหาดับไฟ เพราะยังคงมีไฟสำรองเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการปฏิบัติงาน
3. ระบบอนุรักษ์พลังงาน
การติดตั้งเทคโนโลยีต่างๆ เช่น โซลาร์เซลล์และระบบจัดการพลังงาน คือระบบเพื่อช่วยประหยัดพลังงานในองค์กร โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
องค์ประกอบของระบบไฟฟ้าในอาคาร
ระบบไฟฟ้าในอาคารประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลักหลายอย่างที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้การจ่ายพลังงานไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนี้
ระบบจ่ายไฟฟ้า
ระบบจ่ายไฟฟ้าเป็นขั้นตอนแรกที่ไฟฟ้าถูกส่งมาจากแหล่งจ่ายภายนอก เช่น สถานีไฟฟ้าย่อยของการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ซึ่งแหล่งจ่ายไฟฟ้าจะส่งไฟฟ้าผ่านหม้อแปลงไฟฟ้าเข้าสู่อาคาร โดยหม้อแปลงจะมีหน้าที่ในการปรับแรงดันไฟฟ้าจากแรงดันสูงของการไฟฟ้าให้เป็นแรงดันต่ำที่เหมาะสมกับการใช้งานภายในอาคาร โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้
- ระบบแรงดันสูง มักใช้ในอาคารขนาดใหญ่ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน หรือโรงพยาบาล ซึ่งจะรับไฟฟ้าจากการไฟฟ้าในรูปแบบแรงดันสูง (33 kV หรือ 22 kV)
- ระบบแรงดันต่ำ ใช้ในอาคารบ้านเรือนทั่วไป โดยไฟฟ้าจะถูกลดแรงดันลงเหลือ 220/380 โวลต์ ผ่านหม้อแปลง ก่อนที่จะถูกจ่ายไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในอาคาร
ระบบสายไฟฟ้า
สายไฟฟ้าเป็นส่วนที่ทำหน้าที่นำกระแสไฟฟ้าไปยังจุดใช้งานต่างๆ ภายในอาคาร ระบบสายไฟฟ้าประกอบด้วยสายไฟหลายชนิดที่ใช้สำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้
- สายไฟฟ้าหลัก สายไฟที่เชื่อมต่อจากแหล่งจ่ายไฟหลักเข้าสู่แผงสวิตช์หลักของอาคาร
- สายไฟฟ้าภายใน สายไฟที่ใช้จ่ายไฟไปยังส่วนต่าง ๆ ของอาคาร เช่น สายไฟสำหรับระบบแสงสว่างและสายไฟสำหรับเต้ารับ เป็นต้น
- ท่อและรางร้อยสายไฟ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันการเสียหายของสายไฟ มักจะถูกบรรจุในท่อหรือรางร้อยสายไฟที่ออกแบบมาเพื่อทนทานต่อความร้อนและแรงดัน
ระบบเต้ารับและสวิตช์ไฟ
เต้ารับและสวิตช์ไฟเป็นส่วนสำคัญของระบบไฟฟ้าในอาคารที่ใช้งานเป็นประจำ เต้ารับถูกติดตั้งเพื่อใช้สำหรับจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในอาคาร เช่น ทีวี คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ขณะที่สวิตช์ไฟใช้ในการเปิด-ปิดการทำงานของระบบแสงสว่าง
ระบบแสงสว่าง
ระบบแสงสว่างคือระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งภายในอาคาร ใช้ในการให้แสงสว่าง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม ระบบแสงสว่างในอาคารมีบทบาทสำคัญ ทั้งในด้านการใช้งานและการออกแบบพื้นที่ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ตามหน้าที่เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- แสงสว่างทั่วไป ใช้เพื่อให้ความสว่างทั่วไปในห้องหรือพื้นที่ เช่น หลอดไฟดาวน์ไลต์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ และหลอดไฟ LED ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในบ้านเรือนและอาคารสำนักงาน
- แสงสว่างที่ใช้ตกแต่ง ใช้เพื่อสร้างบรรยากาศหรือการออกแบบตกแต่งภายใน เช่น โคมไฟระย้า ไฟตกแต่งผนัง หรือไฟทางเดิน
ระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
การรักษาความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในอาคารมีความสำคัญมาก โดยระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรจะตัดไฟฟ้าอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อตหรือไฟไหม้
อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรประกอบไปด้วยหลายชนิดที่ทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรและกระแสไฟฟ้าเกินขนาด ซึ่งอุปกรณ์หลักที่สำคัญ ได้แก่
- อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว ใช้ตรวจจับการรั่วของกระแสไฟฟ้าและทำการตัดกระแสไฟทันทีเมื่อพบการรั่วที่มีความเสี่ยง ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อตหรือไฟไหม้ที่เกิดจากการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าสู่ดินหรือจุดอื่นในวงจรไฟฟ้า
- ฟิวส์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดกระแสไฟฟ้าหากมีกระแสเกินพิกัด ซึ่งจะละลายตัวเองเมื่อกระแสไฟฟ้าสูงเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า
- เบรกเกอร์ไฟฟ้า ทำหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเกินพิกัดหรือเกิดการลัดวงจร เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า
ระบบสำรองไฟฟ้า
อาคารขนาดใหญ่หรืออาคารที่มีการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ควรมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำรองในอาคาร เพื่อรองรับกรณีที่เกิดไฟฟ้าขัดข้อง โดยทำหน้าที่สำรองไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ภายใน เช่น ออฟฟิศ คอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้น เป็นต้น
การติดตั้งระบบไฟฟ้านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภายในอาคาร และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ให้สามารถทำงานได้ยาวนานขึ้น ซึ่งระบบนี้ประกอบไปด้วย
- เครื่องสำรองไฟฟ้า อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จ่ายไฟฟ้าชั่วคราว เพื่อให้มีระยะเวลาเพียงพอในการปิดระบบอย่างปลอดภัย หรือสำหรับสับเปลี่ยนไปใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับ
- เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบดีเซลหรือแก๊สใช้สำหรับผลิตไฟฟ้าสำรองเมื่อเกิดการขัดข้องของระบบไฟฟ้าหลัก เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ต่างๆ ยังคงทำงานได้ต่อเนื่องในกรณีที่เกิดไฟดับ
ระบบควบคุมอัตโนมัติ
ในปัจจุบันอาคารสมัยใหม่มักติดตั้งระบบควบคุมอัตโนมัติเพื่อจัดการและควบคุมระบบไฟฟ้าภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความปลอดภัยในทุกส่วนของอาคาร
- ระบบควบคุมแสงสว่างอัตโนมัติ สามารถกำหนดเวลาเปิด-ปิดไฟตามความต้องการ หรือควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
- ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ระบบกล้องวงจรปิด ระบบแจ้งเตือนภัย และระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
- ระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศและระบบระบายอากาศได้โดยอัตโนมัติ
สรุป
ระบบไฟฟ้าในอาคารคือระบบที่จัดการพลังงานไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน แบ่งเป็น 3 ระบบหลักคือระบบไฟฟ้าแรงสูงและระบบไฟฟ้าแรงต่ำ ระบบแสงสว่างฉุกเฉิน และระบบอนุรักษ์พลังงาน
องค์ประกอบภายในอาคารมีหลากหลาย แต่ระบบที่สำคัญและขาดไม่ได้คือระบบสำรองไฟฟ้า ซึ่งช่วยจ่ายพลังงานสำรองในกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้อง เพื่อให้การทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในอาคารดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
Chuphotic มีเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) หลากหลายรุ่นให้เลือกใช้งาน เพื่อรองรับการทำงานในอาคาร ช่วยป้องกันความเสียหายของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในสำนักงาน และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย