fbpx

วิธีคิดค่าไฟ ดูจากมิเตอร์ได้หรือไม่ บิลค่าไฟประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • วิธีคิดค่าไฟ ดูจากมิเตอร์ได้หรือไม่ บิลค่าไฟประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
วิธีคิดค่าไฟ คำนวณอย่างไร? เข้าใจพื้นฐานการคำนวณค่าไฟอย่างง่าย

วิธีคิดค่าไฟ ดูจากมิเตอร์ได้หรือไม่ บิลค่าไฟประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

Key Takeaway
  • การเข้าใจวิธีคำนวณค่าไฟฟ้าด้วยตนเอง เป็นทักษะที่มีประโยชน์สำหรับทุกๆ ครัวเรือน เพราะช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งหนี้ค่าไฟ และวางแผนการใช้ไฟฟ้าได้มีประสิทธิภาพนั่นเอง
  • วิธีคิดค่าไฟ ทำได้ด้วย 3 วิธี คือคำนวณจากกำลังไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้า และเวลาใช้ อ่าน และคำนวณจากบิลค่าไฟ อ่านค่าจากมิเตอร์ และคำนวณตามอัตราค่าไฟ
  • อัตราค่าไฟ คือราคาที่เรียกเก็บต่อหน่วยไฟฟ้า เช่น อัตราปกติ อัตราตามช่วงเวลาการใช้งาน และอัตราก้าวหน้า
บทความนี้จะนำเสนอวิธีคิดค่าไฟ และคำนวณค่าใช้จ่ายได้แบบง่ายๆ ด้วยการเข้าใจอัตราค่าไฟปัจจุบัน เพื่อคำนวณ และตรวจสอบค่าใช้จ่ายไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง
วิธีในการคิดค่าไฟด้วยตนเอง

วิธีคิดค่าไฟด้วยตนเอง คู่มือการคำนวณค่าไฟที่บ้าน

การเข้าใจวิธีคำนวณค่าไฟฟ้าด้วยตนเอง เป็นทักษะที่มีประโยชน์สำหรับทุกครัวเรือน ช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งหนี้ค่าไฟ และวางแผนการใช้ไฟฟ้าได้มีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้ว มีวิธีคิดค่าไฟด้วยตนเอง 3 วิธีหลักๆ ดังนี้

วิธีคิดค่าไฟจากการใช้เครื่องไฟฟ้า ด้วยการดูจำนวนวัตต์

การคิดค่าไฟฟ้าด้วยวิธีนี้ เริ่มต้นจากการรู้ถึงอัตราการใช้ไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดในบ้าน จึงจะนำไปคำนวณค่าไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อรู้แล้ว เราจะคำนวณค่าไฟได้ง่ายๆ แค่ 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. การตรวจสอบและประเมินการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า

การตรวจสอบ และประเมินการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เริ่มต้นจากการตรวจสอบกำลังไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้น โดยดูจากฉลาก หรือคู่มือการใช้งาน ซึ่งมักจะระบุเป็นหน่วยวัตต์ (W) และต้องประเมินชั่วโมงการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างคร่าวๆ ตัวอย่างเช่น

  • พัดลม 50 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง เป็นเวลา 5 ชั่วโมง
  • เครื่องปรับอากาศ 1,500 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง เป็นเวลา 8 ชั่วโมง
  • โทรทัศน์ LED 100 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง เป็นเวลา 6 ชั่วโมง
  • หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 36 วัตต์ จำนวน 5 หลอด เป็นเวลา 7 ชั่วโมง
  • ตู้เย็น 180 วัตต์ จำนวน 1 เครื่อง เปิด 24 ชั่วโมง
2. การคำนวณหน่วยการใช้ไฟฟ้า

2. การคำนวณหน่วยการใช้ไฟฟ้า

เมื่อเราได้จำนวนวัตต์ และชั่วโมงการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้ามาแล้ว เราจะต้องนำจำนวนวัตต์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการคำนวณตามสูตรที่ถูกต้อง ดังนี้

(กำลังไฟฟ้า (วัตต์) x จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า ÷ 1,000) x จำนวนชั่วโมงที่ใช้ใน 1 วัน = จำนวนหน่วยต่อวัน (ยูนิต)

โดยนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยกตัวอย่างไว้มาคำนวณได้ ดังนี้

  • พัดลม (50 x 1 ÷ 1000) x  5 = 0.25 หน่วยต่อวัน หรือเดือนละ (0.25 x 30) = 7.5 หน่วย
  • เครื่องปรับอากาศ (1500 x 1 ÷ 1000) x 8 = 12 หน่วยต่อวัน หรือเดือนละ (12 x 30) = 360 หน่วย
  • โทรทัศน์ LED (100 x 1 ÷ 1000) x 6 = 0.6 หน่วยต่อวัน หรือเดือนละ (0.6 x 30) = 18 หน่วย
  • หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ (36 x 5 ÷ 1000) x 7 = 1.26 หน่วยต่อวัน หรือเดือนละ (1.26 x 30) = 37.8 หน่วย
  • ตู้เย็น (180 x 1 ÷ 1000) x 24 = 4.32 หน่วยต่อวัน หรือเดือนละ (4.32 x 30) =129.6 หน่วย

รวมกันทั้งหมด (7.5 + 360 + 18 + 37.8 + 129.6) = 552.9 หน่วยต่อเดือน

3. การคำนวณค่าไฟฟ้า

เมื่อเราทราบหน่วยการใช้ไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว ต่อไปคือการนำข้อมูลนี้มาใช้คำนวณค่าไฟฟ้าตามอัตราค่าไฟของการไฟฟ้านครหลวง โดยยึดจากอัตราค่าไฟประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย ข้อ 1.2 อัตราปกติปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าเกินกว่า 150 หน่วยต่อเดือน โดยมีอัตราดังนี้

  • 150 หน่วยแรก (หน่วยที่ 1-150) หน่วยละ 3.2484 บาท
  • 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151-400) หน่วยละ 4.2218 บาท
  • เกิน 400 หน่วย (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) หน่วยละ 4.4217 บาท

ซึ่งสามารถนำตัวเลข 372.9 หน่วยต่อเดือน มาคำนวณกับอัตราค่าไฟ จะได้ดังนี้

  • 150 หน่วยแรก (หน่วยที่ 1-150) เป็น 150 x 3.2484 = 487.26 บาท
  • 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151-400) เป็น 250 x 4.2218 = 1,055.45 บาท
  • เกิน 400 หน่วย (หน่วยที่ 401-552.9) เป็น 151.9 x 4.4217 = 671.65 บาท 

รวมทั้งหมดเข้าด้วยกันจะเป็น 487.26 + 1055.45 + 671.65 = 2,214.36 บาทต่อเดือน (ก่อนรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

การคำนวณค่า Ft และภาษีมูลค่าเพิ่ม

4. การคำนวณค่า Ft และภาษีมูลค่าเพิ่ม

หลังจากได้ผลลัพธ์ค่าไฟฟ้าที่คำนวณจากหน่วยการใช้ไฟแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการนำค่าที่ได้มาบวกกับค่า Ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) ซึ่งเป็นค่าที่มีการปรับเปลี่ยนตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้า โดยค่า Ft ปัจจุบันจะอยู่ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย มีสูตรการคำนวณค่า Ft กับภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้

ค่าไฟฟ้า = (ค่าไฟฟ้าที่คำนวณได้ + (Ft x จำนวนหน่วย) ÷ 100) x 1.07

นำค่าไฟที่คิดไว้ตอนแรกมาแทนค่าในสูตรจะได้ ดังนี้

 (2214.36 + (39.72 x 428.4) ÷ 100) x 1.07 = 2,551.43 บาท

วิธีคิดค่าไฟจากบิล ด้วยการอ่านบิลค่าไฟ

วิธีคิดค่าไฟจากบิล ด้วยการอ่านบิลค่าไฟ

ก่อนที่จะเริ่มคิดค่าไฟจากบิล ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บิลค่าไฟนั้นประกอบไปด้วยส่วนประกอบใดบ้าง เพื่อให้คำนวณตามวิธีคิดค่าไฟจากบิลอย่างถูกต้อง

ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป

บิลค่าไฟฟ้าจะมีข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้บริการ ที่อยู่ เลขที่ผู้ใช้ไฟฟ้า รหัสการไฟฟ้า สายจดหน่วย เลขที่ใบแจ้ง รหัสเครื่องวัด ประเภทวัน-เวลาอ่านหน่วย รวมถึงรอบบิล หรือช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้า ข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ในส่วนต้นของบิล เพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้ และสถานที่ ซึ่งสามารถตรวจเช็กได้ว่าข้อมูลถูกต้องหรือไม่

ประวัติการใช้ไฟฟ้า

ประวัติการใช้ไฟฟ้าในบิล จะแสดงจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในแต่ละเดือน หรือรอบบิลที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับค่าไฟที่จ่ายในแต่ละรอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าโดยเทียบกับตัวเลขกับมิเตอร์ไฟฟ้าของแต่ละบ้าน

ค่าไฟฟ้าที่ถูกเรียกเก็บ

ในส่วนนี้ จะเกี่ยวกับยอดค่าไฟที่เราต้องจ่าย ซึ่งสามารถแยกเป็นประเภทต่างๆ ได้ตามส่วนประกอบของค่าใช้จ่ายที่ปรากฏในบิล ดังนี้

  • ค่าพลังงานไฟฟ้า คือค่าใช้จ่ายตามจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่เราใช้ในแต่ละรอบบิล คิดตามอัตราของการไฟฟ้า
  • ค่าบริการรายเดือน คือค่าธรรมเนียมคงที่ ที่เรียกเก็บสำหรับการดูแล และบำรุงระบบไฟฟ้า เช่น ค่าใช้จ่ายในการจดหน่วยไฟฟ้า ค่าจัดทำ และจัดส่งบิลค่าไฟฟ้า การรับชำระเงินค่าไฟฟ้า และการบริการลูกค้า
  • ค่า Ft คือค่าไฟฟ้าผันแปร ที่ปรับตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้า มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจ และราคาน้ำมัน กำหนดค่าตามนโยบายของรัฐบาล มีการปรับทุก 4 เดือน โดยมี กกพ. เป็นผู้ดูแล
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่เรียกเก็บจากสินค้า หรือบริการ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดรวมของค่าใช้จ่าย มักรวมอยู่ในบิลค่าไฟฟ้า



วิธีคิดค่าไฟจากมิเตอร์ไฟฟ้า ด้วยการอ่านค่ามิเตอร์

วิธีคิดค่าไฟจากมิเตอร์ไฟฟ้า ด้วยการอ่านค่ามิเตอร์

วิธีคิดค่าไฟจากมิเตอร์ไฟฟ้า จำเป็นต้องทราบสัญลักษณ์ และความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏบนมิเตอร์ไฟฟ้าก่อน เพื่อให้สามารถตีความข้อมูลที่ได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจได้ง่ายขึ้น

  • สังเกตเลขบนมิเตอร์ โดยหน้าปัดมิเตอร์ไฟฟ้าจะมีเลขอยู่ 5 ตัว เป็นจำนวนบอกหน่วยไฟฟ้า ให้อ่านเลขที่แสดงบนหน้าปัด เริ่มจากซ้ายไปขวา
  • บันทึกหน่วย ให้จดตัวเลขทั้งหมดที่เห็น โดยไม่รวมเลขที่เป็นเลขทศนิยม หากบันทึกแบบรวมเลขทศนิยมไปด้วย อาจทำให้ส่วนต่างของหน่วยไฟฟ้าต่างกัน จนทำให้ค่าไฟดูสูงผิดปกติได้
  • ตรวจสอบรอบบิล เปรียบเทียบกับการอ่านในรอบก่อนหน้า เพื่อคำนวณการใช้ไฟฟ้าในรอบบิลใหม่
วิธีคิดอัตราค่าไฟ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

วิธีคิดอัตราค่าไฟ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

สำหรับวิธีคิดอัตราค่าไฟ อย่าลืมว่าในแต่ละช่วงเวลา จะมีอัตราค่าไฟที่ต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่าย การเข้าใจอัตราค่าไฟในแต่ละช่วงเวลา จะทำให้เราสามารถคำนวณค่าไฟได้แม่นยำขึ้น

อัตราปกติ

อัตราค่าไฟฟ้าแบบปกติ เป็นอัตราที่วัดจากมิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

1. อัตราปกติที่ใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน

  • 15 หน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) แรก (หน่วยที่ 1-15 ) หน่วยละ 2.3488 บาท
  • 10 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 16-25) หน่วยละ 2.9882 บาท
  • 10 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 26-35) หน่วยละ 3.2405 บาท
  • 65 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 36-100) หน่วยละ 3.6237 บาท
  • 50 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 101-150) หน่วยละ 3.7171 บาท
  • 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151-400) หน่วยละ 4.2218 บาท
  • เกิน 400 หน่วย (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) หน่วยละ 4.4217 บาท

2. อัตราปกติที่ใช้ไฟเกิน 150 หน่วยต่อเดือน

  • 150 หน่วย (กิโลวัตต์ชั่วโมง) แรก (หน่วยที่ 1-150) หน่วยละ 3.2484 บาท
  • 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151-400) หน่วยละ 4.2218 บาท
  • เกิน 400 หน่วย (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) หน่วยละ 4.4217 บาท

อัตราตามช่วงเวลาการใช้งาน (Time of Use Tariff)

เราสามารถคิดอัตราค่าไฟตามช่วงเวลาที่ใช้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาหลักตามวัน และเวลา เป็นช่วงเวลาปกติ และช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง ดังนี้ 
  • On Peak คือช่วงเวลาปกติ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09:00-22:00 น.
  • Off Peak คือช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 22:00-09:00 น. 
 วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการทั้งวัน (ไม่รวมวันหยุดชดเชย)  อัตราค่าไฟตามช่วงเวลาการใช้ และค่าบริการ แบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้
แรงดัน On Peak (บาท/หน่วย) Off Peak (บาท/หน่วย) ค่าบริการ  (บาท/เดือน)
12-24 กิโลโวลต์ 5.1135 2.6037 312.24
ต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ 4.2218 2.6369 24.62

อัตราค่าไฟแบบก้าวหน้า

อัตราค่าไฟแบบก้าวหน้า คืออัตราค่าไฟที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการใช้ไฟฟ้า ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ค่าไฟต่อหน่วยก็จะยิ่งสูงขึ้น ทำให้ช่วยส่งเสริมการประหยัดพลังงาน โดยเป็นอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย มีรายละเอียด ดังนี้

  • 35 หน่วยแรก เหมาจ่าย เป็นจำนวนเงิน 85.21 บาท
  • 115 หน่วยต่อไป หน่วยละ 1.1236 บาท
  • 250 หน่วยต่อไป หน่วยละ 2.1329 บาท 
  • ส่วนที่เกินจาก 400 หน่วย หน่วยละ 2.4226 บาท
วิธีอ่านมิเตอร์ด้วยตนเอง

วิธีอ่านมิเตอร์ด้วยตนเอง

นอกจากจะเช็กความถูกต้องของค่าไฟจากบิลที่ได้รับแล้ว เจ้าของบ้านควรจะต้องเช็กที่มิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านเปรียบเทียบกับบิลค่าไฟด้วย เพื่อป้องกันความผิดพลาดโดยเฉพาะในกรณีที่ค่าไฟสูงผิดปกติ

สำหรับวิธีคิดค่าไฟจากมิเตอร์นั้น ให้ลองดูที่หน้าปัดของมิเตอร์ก่อนว่ามีตัวเลขอย่างไร โดยหลักๆ แล้วหน้าปัดมิเตอร์ไฟฟ้าจะมีตัวเลขอยู่ 5 หลักด้วยกันเป็นตัวบอกจำนวนหน่วยที่ใช้ไฟฟ้า แต่ข้อสังเกตสำคัญ คือ จุดทศนิยม กล่าวคือ บางมิเตอร์จะมีตัวเลข 5 ตัวก็จริง แต่ตัวหลังจะเป็นจุดทศนิยม ในกรณีนี้จะอ่านมิเตอร์แค่ 4 ตัวแรกเท่านั้น แต่ในกรณีที่ไม่มีจุดทศนิยม จะอ่านทั้ง 5 ตัว ซึ่งในบางครั้งหากไม่อ่านมิเตอร์อย่างระมัดระวังก็จะเกิดข้อผิดพลาดได้ เช่น การอ่านตัวเลขทั้ง 5 ตัว โดยไม่ได้สังเกตว่ามีจุดทศนิยมด้วย ก็จะทำให้ส่วนต่างของการใช้งานไฟฟ้ามีหน่วยที่ต่างกันมาก ส่งผลต่อค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างผิดปกตินั่นเอง

ทุกคนสามารถคำนวณค่าไฟและเช็คความถูกต้องของบิลที่ได้รับในแต่ละเดือนได้ด้วยตัวเอง วิธีคิดค่าไฟเริ่มจากการทำความเข้าใจในเรื่องของอัตราค่าไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้าน การคำนวณค่าไฟและนำมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับบิลค่าไฟและมิเตอร์ไฟฟ้า เพียงเท่านี้เจ้าของบ้านก็สบายใจได้ว่าค่าไฟที่มากหรือน้อยมีที่มาอย่างไร หรือหากค่าไฟมีความผิดปกติก็สามารถแจ้งการไฟฟ้าได้ถูกต้อง

FAQ

วิธีคิดค่าไฟจากมิเตอร์ดิจิทัล ทำได้โดยการนำข้อมูลไปคำนวณใน https://eservice.pea.co.th/EstimateBill/  โดยใส่เดือน ค่า Ft และหน่วยไฟฟ้า

วิธีคิดค่าไฟในหอพักกับบ้านแตกต่างกัน ตรงที่หอพักสามารถประมาณการใช้ไฟฟ้าจากจำนวนคนพักได้ เช่น หากมีคนพัก 10 คน อาจใช้ไฟประมาณ 300-400 kWh ต่อเดือน ขณะที่บ้าน อาจใช้ไฟฟ้ามาก หรือน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน และการใช้ไฟฟ้าของครอบครัว

ประชาชนทุกคนที่ใช้ไฟฟ้าจะต้องจ่ายค่า Ft เพราะ ถือเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นค่า Ft จึงเปลี่ยนแปลงได้ มีการปรับปรุงทุกๆ 4 เดือน ขึ้นอยู่กับต้นทุนในช่วงเวลานั้นๆ ในการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนจะประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายหลายหลายส่วน ได้แก่ ค่าบริการรายเดือน ค่า Ft ค่าภาษี และค่าไฟสุทธิ

ค่า Ft เป็นตัวสะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าที่มีทั้งขึ้นและลง ในทุกๆ 4 เดือน จะมีการปรับปรุงค่า Ft ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการคาดการณ์ราคาเชื้อเพลิงในค่าไฟฟ้าฐาน หากราคาค่าเชื้อเพลิงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประชาชนก็จะจ่ายค่าไฟที่ลดลง แต่หากราคาค่าเชื้อเพลิงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ค่า Ft จะช่วยลดผลกระทบต่อรายได้ของการไฟฟ้า ช่วยในเรื่องการจัดหาไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต และช่วยในเรื่องความมั่นคงทางไฟฟ้าของประเทศด้วย

ค่า Ft ในปัจจุบัน ได้มาจากค่าใช้จ่ายที่ปรับตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้า โดยค่านี้ จะมาจากการคำนวณต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจริง รวมถึงค่าเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง