fbpx

เคล็ดลับ! วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับการใช้งาน

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • เคล็ดลับ! วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับการใช้งาน
เคล็ดลับ! วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับการใช้งาน

เคล็ดลับ! วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับการใช้งาน

เครื่องปั่นไฟ (Generator) เป็นอุปกรณ์ในที่มีหลากหลายประเภท หลายขนาด และสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย จึงควรมีการเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟให้ถูกต้องเหมาะสม บทความนี้ จึงจะพาไปดูสิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ วิธีการคำนวณกำลังไฟของเครื่องปั่นไฟ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

เครื่องปั่นไฟ (Generator) คืออะไร

เครื่องปั่นไฟ (Generator) คืออะไร

เครื่องปั่นไฟ หรือ Generator เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แปรงคลื่นพลังงานจากเครื่องยนต์ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าผ่านการหมุนของเครื่องยนต์ ซึ่งสามารถใช้ในการสร้างกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เช่น เวลาไฟฟ้าดับ หรือเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น

โดยลักษณะของเครื่องปั่นไฟทั่วไปที่นิยมใช้ในไทย มักเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าประเภทเติมน้ำมันเพื่อสร้างพลังงานที่จำเป็นในการขับเคลื่อน และหมุนเครื่องปั่น ระบบการทำงานของเครื่องปั่นไฟประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เชื้อเพลิง เช่น เครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซล และมีตัวปรับแต่งระบบไฟฟ้าภายนอกที่เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของแปรงคลื่นพลังงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า

การทำงานของเครื่องปั่นไฟ

การทำงานของเครื่องปั่นไฟ

วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ ควรเริ่มจากการทำความเข้าใจการทำงานของเครื่องปั่นไฟฟ้า เพราะจะช่วยทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟที่เหมาะสมกับความต้องการได้  โดยหลักการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

    1. ส่วนประกอบพื้นฐาน เครื่องกำเนิดไฟฟ้าประกอบด้วยโรเตอร์ (ส่วนที่หมุนอย่างแม่เหล็ก หรือขดลวด) และสเตเตอร์ (ส่วนที่อยู่กับที่อย่างชุดของขดลวด) ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยเพลา
    2. สนามแม่เหล็ก เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีสนามแม่เหล็กที่สร้างขึ้นรอบๆ โรเตอร์ เมื่อโรเตอร์หมุน สนามแม่เหล็กจะตัดผ่านขดลวดในสเตเตอร์ การตัดผ่านนี้สร้างแรงดันไฟฟ้า หรือแรงเอาต์พุต (EMF) ในเส้นลวด ตามหลักการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า
    3. AC หรือ DC เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสามารถสร้างไฟฟ้าที่มีแรงดันและกระแสที่เป็นกระแสสลับ (AC) หรือกระแสตรง (DC) ได้ กระแสไฟฟ้าสลับใช้สลิปริงและแปรง เพื่อแปลงเอาต์พุตเป็นไฟฟ้าสลับ ในขณะที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรงใช้เครื่องสับเปลี่ยน
    4. โหลด กระแสไฟฟ้าที่สร้างขึ้นจะถูกนำไปใช้เพื่อจ่ายไฟให้กับโหลดไฟฟ้าที่แตกต่างกัน
    5. การควบคุม แรงดัน และความถี่ของไฟฟ้าที่สร้างขึ้นสามารถควบคุมได้โดยการปรับความเร็วของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือโดยใช้ตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้า
สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ

สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ

สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ เพื่อให้การเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟเป็นไปได้ง่ายที่สุด และเป็นวิธีที่จะทำให้ได้เครื่องปั่นไฟที่ตรงความต้องการมากที่สุด มีดังนี้

คำนึงถึงการนำเครื่องปั่นไฟไปใช้งาน

วิธีการเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟที่ดี สามารถเริ่มต้นได้จากการคำนึงถึงจุดประสงค์ที่ต้องการนำเครื่องปั่นไฟไปใช้งาน ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจว่าควรใช้เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่แค่ไหน หรือมีโหลดเท่าไหร่ ตัวอย่างของจุดประสงค์ที่ต้องการใช้เครื่องปั่นไฟ เช่น 

    • ต้องการใช้เครื่องปั่นไฟแทนไฟหลวงเพราะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และไม่คุ้มค่ากับการขอไฟหลวง ซึ่งหากจุดประสงค์เป็นเช่นนี้ ก็ควรมีเครื่องปั่นไฟอย่างน้อยสองเครื่องเพื่อจะได้สลับกันใช้งาน
    • ต้องการเครื่องปั่นไฟไปใช้เผื่อเวลาไฟดับ หรือกระแสไฟไม่เพียงพอ
    • ต้องการเครื่องปั่นไฟไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดโดยเฉพาะ
    • ต้องการเครื่องปั่นไฟไปใช้เวลาออกไปข้างนอก เช่น การออกไปแคมปิง หรือทำกิจกรรมนอกบ้าน 

โดยหลักการแล้ว หากต้องการใช้ไฟฟ้าในจำนวนที่มาก หรือใช้ไฟฟ้าต่อเนื่องกันเป็นเวลานานมาก ก็อาจต้องเลือกเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย

ต้องการใช้งานมากน้อยแค่ไหน

การใช้งานเครื่องปั่นไฟในปริมาณมากหรือน้อย ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา เนื่องจากมีผลต่อเรื่องการรับประกันของเครื่องปั่นไฟฟ้าที่เลือกใช้งานด้วย หากมีแผนที่จะใช้งานเครื่องปั่นไฟฟ้าเพียงครั้งคราว หรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจต้องพิจารณาเครื่องปั่นไฟที่มีระยะเวลาการรับประกันที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานที่มีความถี่ต่ำ แต่ในกรณีที่ต้องการใช้งานเครื่องปั่นไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ หรือในระยะเวลาที่ยาวนาน ก็ควรพิจารณาเครื่องปั่นไฟฟ้าที่มีระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนาน และครอบคลุมถึงการซ่อมบำรุงด้วย

การรับประกันเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่ใช้พิจารณาเมื่อเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ เครื่องปั่นไฟที่มีการรับประกันที่ยาวนาน แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้ผลิตในคุณภาพ และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้นๆ นอกจากนี้ เพื่อความคุ้มค่า และน่าเชื่อถือ ควรตรวจสอบข้อกำหนด และเงื่อนไขการรับประกันของผู้ผลิตก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง

คำนวณรายละเอียดเครื่องใช้ไฟฟ้า

เมื่อรู้แล้วว่าต้องการนำเครื่องปั่นไฟไปใช้งานอะไร จากนั้นต้องคำนวณเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องปั่นไฟ เพื่อให้สามารถเลือกเครื่องปั่นไฟที่มีความเหมาะสมกับความต้องการได้อย่างแม่นยำ โดยรายละเอียดที่ต้องเตรียม ได้แก่

    • รายการเครื่องใช้ไฟฟ้า สำรวจ และระบุเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องปั่นไฟฟ้า ระบุชื่อ และจำนวนของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการใช้งาน
    • กำลังไฟฟ้า (วัตต์) ตรวจสอบรายละเอียดของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดที่เตรียมรายชื่อไว้ จากนั้นบันทึกกำลังไฟฟ้าของแต่ละเครื่องใช้ไฟฟ้า และคำนวณกำลังไฟฟ้ารวมที่ต้องการ เพื่อเลือกเครื่องปั่นไฟที่มีกำลังไฟฟ้าเหมาะสมกับอุปกรณ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
    • สถานที่ตั้งของเครื่องใช้ไฟฟ้า พิจารณาสถานที่ที่ต้องการใช้งานเครื่องปั่นไฟ กับอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น บ้าน โรงงาน  หรือสถานที่อื่นๆ โดยพิจารณาปัจจัยเชิงสภาพแวดล้อม เช่น อากาศร้อน อากาศเย็น หรือสถานที่ที่อาจเกิดความเสียหายจากสภาพอากาศต่างๆ

จำแนกเครื่องใช้ไฟฟ้า

สุดท้ายสิ่งที่ต้องจำแนกเพื่อใช้ในการคำนวนหาเครื่องปั่นไฟที่เหมาะสม คือ การแยกประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยสามารถแบ่งประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าออกเป็น 2 ประเภทดังนี้

    • อุปกรณ์ที่สร้างแสงสว่าง หรือความร้อน และไม่มีส่วนประกอบเป็นมอเตอร์ อุปกรณ์ประเภทนี้จะมีอัตราการใช้ไฟฟ้าที่คงที่ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย
    • อุปกรณ์ประเภทมีมอเตอร์เป็นองค์ประกอบ เช่น ปั๊มน้ำ แอร์ อุปกรณ์ประเภทนี้ต้องเผื่อค่าความ
    • ปลอดภัย เพราะเวลาสตาร์ตเครื่องอาจกินไฟมากกว่าปกติถึง 4-5 เท่าได้เลย
วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟให้เหมาะสม

วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟให้เหมาะสม

วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟต้องดูปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของเครื่องปั่นไฟ ขนาดของเครื่องปั่นไฟ ชนิดของเครื่องปั่นไฟ และคุณสมบัติอื่นๆ โดยมีวิธีการเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ ดังนี้

เลือกจากขนาดเครื่องปั่นไฟ

การเลือกขนาดเครื่องปั่นไฟ หรือการเลือกขนาด Generator มักมีส่วนเกี่ยวข้องกับปริมาณไฟฟ้าที่เครื่องสามารถปล่อยออกมาโดยตรง โดยการคำนวนขนาด Generator และการคำนวน Output หรือพลังงานที่ออกมาจะมีค่าเป็น วัตต์ ซึ่งโดยทั่วไปเครื่องปั่นไฟก็มักมีค่านี้บอกกำกับอยู่แล้ว

Generator หรือเครื่องปั่นไฟบางรุ่นอาจใช้หน่วยไฟฟ้าคนละแบบ ซึ่งเราสามารถแปลหน่วยไฟฟ้าเองได้ โดยมีวิธีการคำนวณ ดังนี้ 

1,000 วัตต์(W) เท่ากับ 1 กิโลวัตต์ (KW) 800 วัตต์ เท่ากับ 1 กิโลโวลแอมป์ (kVA)และ 746 วัตต์เท่ากับ 1 แรงม้า (HP) เช่น 5 KW = 5,000 W = 6.25 kVA = 6.7 HP เมื่อคำนวณได้ค่าแล้ว ก็สามารถไปดูว่าเครื่องปั่นไฟขนาดใดใช้ทำอะไรได้บ้าง โดยมีตัวอย่างดังนี้

    • เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กมาก เหมาะกับการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 800 วัตต์ และเหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น คอมพิวเตอร์ หรือพัดลม
    • เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 1,500-2,500 วัตต์ และเหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสว่านไฟฟ้า ปั๊มลม หรือเครื่องดูดฝุ่น
    • เครื่องปั่นไฟขนาดกลาง เหมาะกับการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 3,500-5,000 วัตต์ และเหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแท่นตัดไฟเบอร์
    • เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ เหมาะกับการใช้ไม่เกิน 5,000-9,000 วัตต์ เหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแอร์ 10,000 BTU

เลือกจากชนิดเครื่องปั่นไฟ

เครื่องปั่นไฟมีอยู่หลายชนิด โดยสามารถเลือกได้จากวิธีสร้างกระแสไฟฟ้าของเครื่องปั่นไฟ ดังนี้

เครื่องปั่นไฟชนิดเบนซิน

เครื่องปั่นไฟเบนซิน (Gasoline Generator) เป็นเครื่องปั่นไฟที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซินเพื่อสร้างกำลังไฟฟ้า โดยมักมีขนาดเล็ก และสามารถพกพาได้ง่าย เหมาะกับการใช้ในงานที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าชั่วคราว เช่น งานก่อสร้าง หรือกิจกรรมกลางแจ้ง

    • ข้อดีของเครื่องปั่นไฟชนิดเบนซิน ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก การใช้งานไม่ยากมาก ดูแลรักษาได้ง่าย และมีราคาถูก
    • ข้อเสียของเครื่องปั่นไฟชนิดเบนซิน มีอายุการใช้งานต่ำกว่าประเภทอื่นๆ อีกทั้งสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ต่ำกว่าประเภทอื่นๆ และเบนซินเป็นเชื้อเพลงที่เสื่อมสภาพไวกว่าดีเซล

เครื่องปั่นไฟชนิดดีเซล

เครื่องปั่นไฟดีเซล (Diesel Generator) เป็นเครื่องปั่นไฟที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซล มักมีขนาดใหญ่ และให้กำลังไฟฟ้ามากกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน เหมาะกับการใช้ในงานที่ต้องการการสร้างไฟฟ้าต่อเนื่อง เช่น โรงงาน หรือสถานที่ที่ไม่มีการไฟฟ้าจากเครือข่ายไฟฟ้า

    • ข้อดีของเครื่องปั่นไฟชนิดดีเซล สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ เสียหายได้ยาก มีอายุการใช้งานที่ยาว และมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากดีเซลติดไฟได้ยากกว่าเบนซิน 
    • ข้อเสียของเครื่องปั่นไฟชนิดดีเซล มีราคาสูง น้ำหนักเยอะ เครื่องปั่นไฟมีขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายได้ลำบาก สร้างควัน และมลพิษ อีกทั้งยังดูแลรักษาได้ยากกว่า

เครื่องปั่นไฟชนิดโพรเพน

เครื่องปั่นไฟโพรเพน (Propane Generator) เป็นเครื่องปั่นไฟที่ใช้ก๊าซโพรเพนเป็นเชื้อเพลิง มักมีความเงียบ และมลพิษต่ำกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน หรือดีเซล เหมาะกับการใช้ในงานที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าที่สะอาด เช่น งานที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าสำหรับทำความสะอาด

    • ข้อดีของเครื่องปั่นไฟชนิดโพรเพน เหมาะกับพื้นที่ที่ห่างไกลจากระบบแจกจ่ายไฟฟ้า และเชื้อเพลิงเสื่อมสภาพช้า
    • ข้อเสียของเครื่องปั่นไฟชนิดโพรเพน มีความปลอดภัยต่ำเนื่องจากเชื้อเพลิงติดไฟได้ง่าย และมีราคาแท็งก์ใส่เชื้อเพลิงที่สูง

เครื่องปั่นไฟชนิดก๊าชธรรมชาติ

เครื่องปั่นไฟก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas Generator) คือ เครื่องปั่นไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มักมีขนาดใหญ่ และผลิตไฟฟ้าได้มาก เหมาะกับงานที่ต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงงาน หรืออาคารสำนักงาน

    • ข้อดีของเครื่องปั่นไฟชนิดก๊าชธรรมชาติ เชื้อเพลิงมีราคาต่ำ และเผาไหม้ได้ดี ไม่ค่อยมีกลิ่น หรือควัน
    • ข้อเสียของเครื่องปั่นไฟชนิดก๊าชธรรมชาติ ต้องเชื่อมกับระบบแจกจ่ายก๊าซธรรมชาติ ตอนเริ่มเปิดเครื่องอาจมีช่วงเวลาที่ต้องรอนานมากกว่าประเภทอื่น ๆ

เครื่องปั่นไฟชนิดอินวอเตอร์

เครื่องปั่นไฟอินเวอร์เตอร์ (Inverter Generator) เป็นเครื่องปั่นไฟที่ใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ในการแปลงกระแสไฟฟ้าจากกระแสตรง (DC) เป็นกระแสสลับ (AC) มักมีขนาดเล็ก และพกพาได้ง่าย เหมาะกับการใช้งานที่ต้องเคลื่อนที่ หรือกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะในที่ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าที่มีความเสถียรสูง เช่น การใช้ในเครื่องเสียง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในรถบ้านพกพา

    • ข้อดีของเครื่องปั่นไฟชนิดอินวอเตอร์ เครื่องเล็ก และเบา มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง และปลอดภัยต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียหายง่ายอย่าง คอมพิวเตอร์
    • ข้อเสียของเครื่องปั่นไฟชนิดดีเซล มีราคาสูงกว่าเครื่องปั่นไฟอื่นๆ ค่าบำรุงรักษาสูง

เลือกจากความสามารถพิเศษเครื่องปั่นไฟ

เครื่องปั่นไฟแต่ละรุ่นมีฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกไป โดยฟังก์ชันที่น่าสนใจมีดังนี้

Electronic Start

Electronic Start เป็นฟังก์ชันที่ให้ความสะดวก และความสมบูรณ์ในการเริ่มต้นเครื่องปั่นไฟ ด้วยระบบเริ่มต้นอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ต้องใช้เปิดเครื่องด้วยมือ โดยผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้การเปิดเครื่องผ่านปุ่ม หรือสวิตช์ที่ทำให้ง่าย สะดวก และรวดเร็วต่อการใช้งานได้

Automatic Start

Automatic Start เป็นฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกในการใช้งานเครื่องปั่นไฟ โดยเมื่อตรวจสอบว่ามีการขาดไฟฟ้า หรือการสะดุดของไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟจะเริ่มต้นทำงานอัตโนมัติเพื่อรองรับความต้องการพลังงานไฟฟ้า ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการขาดพลังงานไฟฟ้าในขณะที่ใช้งาน

มาตรวัดน้ำมัน

มาตรวัดน้ำมัน เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการตรวจวัดระดับน้ำมันในเครื่องปั่นไฟ เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่ ฟังก์ชันนี้ช่วยในการตรวจสอบ และบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิงของเครื่องปั่นไฟ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ

ปิดเครื่องเมื่อน้ำมันต่ำ

ปิดเครื่องเมื่อน้ำมันต่ำ เป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์ในการปกป้องเครื่องปั่นไฟจากความเสียหาย โดยฟังก์ชันนี้จะทำการปิดการทำงานของเครื่องปั่นไฟอัตโนมัติ เมื่อมีระดับน้ำมันต่ำกว่าค่าที่กำหนด ซึ่งช่วยป้องกันการความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อเครื่องปั่นไฟจากการทำงานในสภาวะน้ำมันไม่เพียงพอ

รองรับแก๊สโซฮอล์

รองรับแก๊สโซฮอล์ เป็นฟังก์ชันที่เปิดโอกาสให้เครื่องปั่นไฟสามารถใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิงที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ในกรณีที่ราคา หรือความต้องการพลังงานเปลี่ยนแปลง

เซ็นเซอร์ CO

เซ็นเซอร์ CO เป็นฟังก์ชันที่มีความสำคัญในเครื่องปั่นไฟ เนื่องจากเชื้อเพลิงที่เผาออกมาอาจสร้างก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ซึ่งเป็นก๊าซที่อันตรายต่อคน ฟังก์ชันเซ็นเซอร์ CO จะตรวจจับปริมาณ CO ในอากาศที่อยู่ใกล้เคียงเครื่องปั่นไฟ และเมื่อตรวจพบระดับ CO เกินค่าที่กำหนด ฟังก์ชันนี้จะแจ้งเตือนผู้ใช้งานเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

เต้ารับหลายจุด

เต้ารับหลายจุด เป็นฟังก์ชันที่อนุญาตให้เครื่องปั่นไฟมีพอร์ตหลายจุดในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติม ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยสามารถเชื่อมต่อไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์เพิ่มเติม หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายๆ ตัวพร้อมกันได้

โหมดเชื้อเพลิงคู่

โหมดเชื้อเพลิงคู่ เป็นฟังก์ชันที่ช่วยในการใช้งานเครื่องปั่นไฟในโหมดการทำงานคู่ เช่น การทำงานพร้อมกันของเครื่องปั่นไฟสองเครื่อง โดยใช้เชื้อเพลิงสองแห่งพร้อมกัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความเสถียรในการให้กำลังไฟฟ้ากับอุปกรณ์ และระบบไฟฟ้าที่ต้องการพลังงานสูง อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานได้ยืดหยุ่นตามความต้องการ

วิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟควรพิจารณาจุดประสงค์ต่างๆ ที่ต้องการ เช่น การใช้งานที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าชั่วคราว หรือต่อเนื่อง ความต้องการใช้งานพิเศษ เช่น อินเวอร์เตอร์ หรือการรองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ ตลอดจนการคำนึงถึงความปลอดภัย และมาตรฐานของเครื่องปั่นไฟ

เมื่อมีความเข้าใจ และพิจารณาความต้องการอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทุกคนก็จะสามารถเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟที่เหมาะสม และคุ้มค่าได้ตามต้องการ หากยังไม่แน่ใจ ลองมาดู เครื่องปั่นไฟ ที่ Chuphotic ก่อนได้ เพราะเรามีบริการให้คำปรึกษา บริการหลังการขาย การรับประกัน และการซ่อมบำรุงอีกด้วย ทำให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าเครื่องปั่นไฟของ Chuphotic มีคุณภาพ และคุ้มค่าอย่างแน่นอน

Leave A Reply