fbpx

15 วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟตอนอากาศร้อน ค่าไฟไม่พุ่ง เย็นฉ่ำได้ทั้งวัน

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • 15 วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟตอนอากาศร้อน ค่าไฟไม่พุ่ง เย็นฉ่ำได้ทั้งวัน

15 วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟตอนอากาศร้อน ค่าไฟไม่พุ่ง เย็นฉ่ำได้ทั้งวัน

  • เมื่ออากาศร้อนขึ้นค่าไฟมักเพิ่มสูงตามไปด้วย ไม่ใช่แค่การใช้แอร์มากขึ้นที่ทำให้ค่าไฟสูง แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดต้องทำงานหนักขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โดยเฉพาะแอร์ที่ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการรักษาความเย็นและการตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำเกินไปก็ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นตามมาได้
  • วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ บิลค่าไฟไม่บานปลาย เช่น ติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ใช้กับแอร์ เลี่ยงเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำสุดในช่วง 1 – 2 นาทีแรก เลี่ยงเปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ ไม่นำของร้อนเข้ามาในห้อง เปิดอุณหภูมิที่ 26 – 27 องศา ร่วมกับพัดลม เลี่ยงการเปิดแอร์ในที่โล่งกว้าง เปิดหน้าต่างระบายความร้อนก่อนเปิดแอร์ เป็นต้น
  • วิธีใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัยในวันที่อากาศร้อน คือถอดปลั๊กหลังการใช้งาน ปิดไฟที่ไม่ได้ใช้งาน หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิดพร้อมๆ กัน เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานมอก. สำรวจสภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าเสมอ พร้อมติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
  • เพื่อให้คุณได้ประหยัดไฟระหว่างใช้แอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองติดโซลาร์เซลล์ แล้วมาเลือกอุปกรณ์คุณภาพสำหรับโซลาร์เซลล์ได้เลยที่ Chuphotic
อากาศร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าไฟก็แพงขึ้น อุณหภูมิของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปีส่งผลให้หลายคนต้องพึ่งแอร์มากขึ้น ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นตามไปด้วย ปัญหานี้สร้างความกังวลให้กับหลายครอบครัว วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟจึงกลายเป็นทางออกที่สำคัญสำหรับการลดค่าใช้จ่าย บทความรวบรวมวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ เย็นสบายได้ทั้งวัน ไม่ต้องลดการใช้งานลง ประหยัดค่าไฟได้และไม่ต้องทนร้อนอีกด้วย
ทำไมช่วงอากาศร้อน เปิดแอร์แล้วค่าไฟแพงขึ้น?

ทำไมช่วงอากาศร้อน เปิดแอร์แล้วค่าไฟแพงขึ้น?

เมื่ออากาศร้อนขึ้นค่าไฟก็มักจะเพิ่มสูงตามไปด้วย หลายคนอาจคิดว่าสาเหตุหลักมาจากการใช้แอร์มากขึ้น จึงพยายามลดการใช้งานเพื่อประหยัดไฟ แต่ในความเป็นจริงค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นอาจไม่ได้เกิดจากการเปิดแอร์นานขึ้นเพียงอย่างเดียว เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายๆ ชนิดต้องทำงานหนักขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น

โดยเฉพาะแอร์ แม้จะตั้งอุณหภูมิไว้เท่าเดิมแต่ก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการรักษาความเย็นภายในบ้าน มีการวิจัยพบว่า หากอุณหภูมิภายนอกเพิ่มขึ้น 1 องศา แอร์จะใช้พลังงานเพิ่มขึ้นถึง 3% และหากลดอุณหภูมิแอร์ลง 1 องศา จะใช้ไฟมากขึ้นถึง 10% ดังนั้นหากต้องการประหยัดค่าไฟควรเลือกใช้แอร์อย่างถูกวิธีเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน

15 วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ บิลค่าไฟไม่บานปลาย

เมื่อกลัวว่าค่าไฟจะเพิ่มสูงขึ้นจนจ่ายไม่ไหว หลายคนจึงเลือกวิธีประหยัดไฟฟ้าแอร์ด้วยการเปิดแอร์ให้น้อยลง แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน คงจะทำให้หลายคนทนร้อนกันไม่ไหว ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเปิดใช้แอร์กันต่อไป แต่ก็ไม่ต้องกังวลกันไป เพราะความจริงแล้วยังมีวิธีประหยัดค่าไฟแอร์อีกมากมาย มาดู 7 วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟกันดังนี้

1. ติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ใช้กับแอร์

1. ติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ใช้กับแอร์

ถ้าบ้านไหนกลัวค่าไฟบานจากการใช้แอร์ทั้งวันทั้งคืน ลองติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพราะระบบโซลาร์เซลล์ช่วยประหยัดพลังงานมาก โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มาผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานฟรี ไม่มีวันหมด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งร่วมกับไฟบ้านนิยมใช้ระบบออนกริด ซึ่งต้องมีมิเตอร์พิเศษจากหน่วยงานการไฟฟ้า ระบบนี้จะดึงพลังงานจากแสงอาทิตย์และไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาใช้งานร่วมกัน หากผลิตไฟฟ้าได้เกินความต้องการ ยังสามารถขายคืนให้การไฟฟ้าได้อีกด้วย

2. ห้ามเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำสุด ในช่วง 1-2 นาทีแรก

ถ้าอยากเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ สิ่งสำคัญที่ควรหลีกเลี่ยงคือการตั้งอุณหภูมิให้ต่ำสุดทันทีในช่วง 1 – 2 นาทีแรก หลายคนมักเร่งลดอุณหภูมิลงเพื่อให้ห้องเย็นเร็วขึ้น แต่จริงๆ แล้วกลับทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เพราะความแตกต่างของอุณหภูมิภายในและภายนอกห้องสูงเกินไป ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น ทางที่ดีหากรู้สึกร้อนจัดควรใช้โหมดเร่งความเร็วของพัดลมแทน เพื่อช่วยกระจายลมเย็นทั่วห้องได้อย่างรวดเร็วและประหยัดไฟมากกว่า

3. เลี่ยงการเปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ

หากต้องการเปิดแอร์แบบประหยัดไฟ ควรเลี่ยงเปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ เพราะการปิดแอร์แล้วเปิดใหม่บ่อยครั้งจะทำให้เครื่องต้องทำงานหนักขึ้นในช่วงเริ่มต้น ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นกว่าปกติ หากจะไม่ได้ใช้งานอีกนาน การปิดแอร์ถือเป็นวิธีที่เหมาะสม แต่หากยังต้องใช้ต่อในอีกไม่นาน ควรเปิดแอร์ทิ้งไว้จะดีกว่า นอกจากช่วยลดค่าไฟแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์อีกด้วย

4. ไม่นำของร้อนเข้ามาในห้อง

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการทำงานของแอร์คือความร้อนและความชื้น หากสองปัจจัยนี้เพิ่มขึ้น แอร์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปรับอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ตั้งค่าไว้ ส่งผลให้ใช้พลังงานมากขึ้น หากต้องการให้แอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดไฟ ควรเลี่ยงนำของร้อนหรือของที่มีความชื้นเข้าห้อง รวมถึงงดทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความร้อน เช่น ต้มน้ำ รีดผ้า หรือนำเสื้อผ้าเปียกเข้าห้องขณะเปิดแอร์ ทางที่ดีควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดความร้อนให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเปิดแอร์เพื่อช่วยลดภาระการทำงานและประหยัดพลังงาน

5. เปิดอุณหภูมิที่ 26-27 องศา พร้อมเปิดพัดลม

5. เปิดอุณหภูมิที่ 26-27 องศา พร้อมเปิดพัดลม

หลายคนเชื่อว่าการตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียสจะช่วยประหยัดไฟ แต่ความจริงแล้ว 25 องศาเซลเซียสเป็นเพียงอุณหภูมิมาตรฐานที่ให้ความเย็นสบายและช่วยลดการใช้พลังงานได้ หากอากาศไม่ร้อนจัด สามารถปรับเพิ่มเป็น 26 – 27 องศาเซลเซียส ซึ่งยังคงให้ความเย็นที่เพียงพอและช่วยลดค่าไฟได้มากขึ้นอีกด้วย ยิ่งเปิดพัดลมร่วมด้วยจะช่วยกระจายลมเย็นทั่วห้อง ทำให้รู้สึกเย็นสบายไม่ต่างจากการตั้งแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียส

6. เลี่ยงการเปิดแอร์ในที่โล่งกว้าง

หากต้องการเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ ควรเลี่ยงเปิดใช้งานในพื้นที่โล่งกว้าง เช่น ห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับบันได โถงทางเดิน หรือคอนโดแบบสองชั้นที่ไม่มีการกั้นสัดส่วน เนื่องจากแอร์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปรับอุณหภูมิให้ทั่วถึง ทั้งที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับพื้นที่จำกัด วิธีที่ดีที่สุดคือการกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนด้วยประตูหรือกำแพง แต่หากทำไม่ได้ ก็ควรเลือกแอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้น

7. เปิดหน้าต่างระบายความร้อนก่อนเปิดแอร์

การทำงานของแอร์คือการควบคุมอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นตามต้องการ แต่หากห้องร้อนมาก แอร์ก็ต้องทำงานหนักขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น วิธีช่วยประหยัดไฟคือการเปิดหน้าต่างระบายความร้อนออกก่อนเปิดแอร์ และปิดผ้าม่านเพื่อป้องกันแสงแดดไม่ให้เพิ่มความร้อนภายในห้อง วิธีนี้ช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลงและทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้น ลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8. ใช้โหมด Sleep หรือ Timer

โหมด Sleep และ Timer เป็นวิธีช่วยประหยัดพลังงานเมื่อใช้แอร์ โดยโหมด Sleep จะค่อยๆ ปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นในช่วงกลางคืน เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะหลับ ซึ่งช่วยลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์และประหยัดไฟโดยยังนอนหลับสบาย ส่วน Timer ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์ได้ตามต้องการ เช่น ปิดแอร์หลังจากหลับไปแล้วหรือเปิดก่อนตื่นเพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น

9. เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

การเลือกซื้อแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นวิธีที่ช่วยลดค่าไฟฟ้าและประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉลากเบอร์ 5 แสดงถึงแอร์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง โดยมีค่า SEER ที่บ่งชี้ถึงความประหยัดไฟ ยิ่งมีดาวบนฉลากมากยิ่งแสดงถึงการประหยัดไฟที่ดีกว่า เมื่อเลือกซื้อควรพิจารณาค่า SEER จำนวนดาวบนฉลาก ขนาด BTU ที่เหมาะสมกับห้องและการเลือกแอร์ที่มีเทคโนโลยี Inverter เพื่อประสิทธิภาพในการประหยัดไฟและลดการสิ้นเปลืองพลังงานในระยะยาว

10. เลือกขนาด BTU แอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง

เปิดแอร์แบบประหยัดไฟ ควรเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องช่วยประหยัดพลังงานได้ โดยสามารถคำนวณได้จากการนำพื้นที่ห้องคูณกับตัวแปรที่เหมาะสม เช่น 800 สำหรับห้องทั่วไป หรือ 900 – 1,000 สำหรับห้องที่มีความร้อนสูง หากห้องมีขนาดพิเศษควรขอคำแนะนำจากช่างผู้ชำนาญเพื่อความแม่นยำการเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไปหรือลดความชื้นไม่ดี ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานและอายุการใช้งานสั้นลง

11. เลี่ยงติดตั้งแอร์ในทิศตะวันตก

การติดตั้งแอร์ในทิศทางที่เหมาะสมมีผลต่อการประหยัดพลังงานอย่างมาก ควรเลี่ยงติดตั้งในทิศตะวันตก เนื่องจากในช่วงบ่ายที่ทิศตะวันตกได้รับแสงแดดโดยตรง ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพราะต้องสู้กับความร้อนภายนอก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น แต่ยังส่งผลให้เครื่องทำงานเกินกำลังและมีอายุการใช้งานสั้นลง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ การติดตั้งฉนวนกันความร้อนหรือการปลูกต้นไม้ใหญ่บังแดดก็ช่วยลดผลกระทบได้

12. ติดตั้งคอมเพรสเซอร์ในที่ร่มและอากาศถ่ายเท

การติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทสะดวกเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ได้ดี หากคอมเพรสเซอร์ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะสามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น ลดภาระการทำงานและช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ได้ นอกจากนี้ยังลดค่าไฟฟ้าโดยการใช้พลังงานน้อยลง เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบายและมีการระบายความร้อนที่ดี

9. เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

การเลือกซื้อแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นวิธีที่ช่วยลดค่าไฟฟ้าและประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉลากเบอร์ 5 แสดงถึงแอร์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง โดยมีค่า SEER ที่บ่งชี้ถึงความประหยัดไฟ ยิ่งมีดาวบนฉลากมากยิ่งแสดงถึงการประหยัดไฟที่ดีกว่า เมื่อเลือกซื้อควรพิจารณาค่า SEER จำนวนดาวบนฉลาก ขนาด BTU ที่เหมาะสมกับห้องและการเลือกแอร์ที่มีเทคโนโลยี Inverter เพื่อประสิทธิภาพในการประหยัดไฟและลดการสิ้นเปลืองพลังงานในระยะยาว

13. ล้างแผ่นกรองอากาศแอร์ทุกเดือน

13. ล้างแผ่นกรองอากาศแอร์ทุกเดือน

การล้างแผ่นกรองอากาศแอร์เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้แอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพและประหยัดไฟ โดยเริ่มจากการปิดแอร์และสับเบรกเกอร์เพื่อความปลอดภัย จากนั้นถอดแผ่นกรองอากาศออกมาทำความสะอาด โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือแปรงขนนุ่มในการขจัดฝุ่น หากมีคราบมันสามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาๆ ก่อนล้างด้วยน้ำสะอาด และต้องตากแผ่นกรองให้แห้งสนิทก่อนนำกลับมาใส่ในเครื่อง การล้างแผ่นกรองช่วยลดการทำงานหนักของแอร์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็น ลดการใช้พลังงาน และยืดอายุการใช้งานของแอร์ได้อีกด้วย

14. ปิดม่านหรือมู่ลี่ในช่วงกลางวัน

การปิดม่านหรือมู่ลี่ในช่วงกลางวันระหว่างเปิดแอร์เป็นวิธีง่ายๆ แต่ช่วยประหยัดพลังงานได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่แสงแดดจัด การเลือกใช้ม่านหรือมู่ลี่ที่มีสีเข้มหรือมีฉนวนกันความร้อนจะช่วยลดความร้อนจากภายนอก ทำให้แอร์ทำงานน้อยลงและประหยัดพลังงานได้มากขึ้น นอกจากนี้ การปรับมู่ลี่ให้อยู่ในแนวตั้งยังช่วยให้แสงสว่างส่องเข้ามาได้เล็กน้อยโดยไม่เพิ่มความร้อนในห้อง ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

15. ปิดแอร์เมื่อออกจากห้องนานกว่า 1 ชั่วโมง

อีกหนึ่งวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ คือควรปิดแอร์เมื่อออกจากห้องนานกว่า 1 ชั่วโมงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยประหยัดไฟ โดยการปิดแอร์จะลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยลดการทำความเย็นที่ไม่จำเป็นและยืดอายุการใช้งานของแอร์อีกด้วย หากเป็นแอร์รุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชันตั้งเวลาปิด-เปิดอัตโนมัติ ก็สามารถตั้งเวลาเพื่อความสะดวกได้อีกทางหนึ่ง แม้บางคนอาจกังวลว่าการเปิด-ปิดบ่อยจะทำให้เปลืองไฟ แต่หากออกจากห้องเกิน 1 ชั่วโมง การปิดแอร์จะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าการเปิดทิ้งไว้

เครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยในวันที่อากาศร้อน

เครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยในวันที่อากาศร้อน

การใช้ไฟฟ้าในอากาศร้อนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากอุบัติเหตุต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นหม้อแปลงระเบิด ไฟกระชาก ไฟฟ้าลัดวงจร หรือร้ายแรงถึงขั้นเกิดอัคคีภัยได้ นอกจากต้องรู้จักวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟในช่วงอากาศร้อนแล้ว ควรต้องเข้าใจวิธีป้องกันอันตรายจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าท่ามกลางอากาศร้อนด้วย ดังนี้

  • ถอดปลั๊กหลังการใช้งาน เพราะการเสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้ จะทำให้มีการไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา นอกจากจะสิ้นเปลืองไฟฟ้าแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย
  • ปิดไฟดวงที่ไม่ได้มีการใช้งาน เช่นเดียวกับการเสียบปลั๊กทิ้งไว้ หากมีการเปิดไฟทิ้งเอาไว้โดยที่ไม่ได้ใช้งาน ก็อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ เนื่องจากทำให้ระบบกระแสไฟฟ้าทำงานตลอดเวลา
  • เลี่ยงใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิดพร้อมกัน เพราะอาจทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ทัน จึงส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือหม้อแปลงระเบิดได้ จึงควรเลือกใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม
  • เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานมอก. หากเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นของปลอมก็อาจเสี่ยงเกิดไฟฟ้าช็อต หรือไฟฟ้าลัดวงจรได้
  • เช็กสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าเสมอ ควรตรวจสอบว่ามีจุดไหนที่ชำรุดบ้าง มีส่วนไหนต้องแก้ไข หรือเปลี่ยนใหม่บ้าง ควรเลี่ยงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด เพราะวงจรด้านในอาจจะเสียหายจนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
  • ติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ถือเป็นวิธีป้องกันอันตรายจากการใช้ไฟฟ้าได้ดี โดยสามารถติดเป็นแบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) ที่ถือเป็นอุปกรณ์ช่วยตัดไฟอัตโนมัติหากพบความผิดปกติภายในระบบไฟฟ้า ทำให้ป้องกันอันตรายจากการใช้ไฟฟ้าได้ทันท่วงที

สรุป

เมื่ออากาศร้อนขึ้น ค่าไฟมักสูงตามไปด้วย เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดต้องทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะแอร์ที่ใช้พลังงานมากขึ้นในการรักษาความเย็น การตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำเกินไปก็ยิ่งทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟในช่วงร้อนๆ ได้แก่ การติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ใช้กับแอร์ เลี่ยงการตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำในช่วงแรก หลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ และเปิดอุณหภูมิที่ 26 – 27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมร่วมด้วย เป็นต้น

เลือกอุปกรณ์สำหรับโซลาร์เซลล์ช่วยให้เปิดแอร์ได้อย่างประหยัดที่ Chuphotic จัดจำหน่ายอุปกรณ์คุณภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยระดับสากล พร้อมการรับประกันหลังการขาย เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพ!

FAQ

การตั้งแอร์ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียสตลอดวันช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าการตั้งอุณหภูมิที่ต่ำกว่านี้ เพราะช่วยลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ทำให้ใช้พลังงานน้อยลง แต่แอร์ยังคงใช้พลังงานเพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนจัด ดังนั้นหากต้องการประหยัดไฟมากขึ้น ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น การใช้พัดลมร่วมกับแอร์ หรือปรับปรุงฉนวนกันความร้อนในห้องให้ดีขึ้น
โหมดช่วยประหยัดพลังงานในการเปิดแอร์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของแอร์ โดยทั่วไปโหมดที่ประหยัดพลังงานได้ดี เช่น โหมด Eco ที่ลดการทำความเย็นและเพิ่มการทำงานของพัดลมเพื่อประหยัดไฟ โหมด Sleep ที่ช่วยเพิ่มอุณหภูมิเล็กน้อยในขณะนอนหลับ โหมด Auto ที่ปรับการทำงานอัตโนมัติตามอุณหภูมิห้อง และโหมดพัดลมที่ใช้พลังงานน้อยที่สุดเมื่ออากาศไม่ร้อนมาก
การคำนวณค่าไฟที่แอร์ใช้ในแต่ละชั่วโมงค่อนข้างซับซ้อน เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา เช่น ขนาดแอร์ (BTU) ค่า SEER อุณหภูมิที่ตั้ง และสภาพแวดล้อม โดยสามารถประมาณการได้ว่าแอร์ขนาด 12,000 BTU รุ่นใหม่จะใช้ไฟประมาณ 2 - 3 บาทต่อชั่วโมง ขณะที่รุ่นเก่าจะใช้ไฟประมาณ 4 - 5 บาทต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิภายนอกที่มีผลต่อการทำงานของแอร์ การเลือกแอร์ที่มี SEER สูงและตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม (27°C) จะช่วยประหยัดไฟได้มากขึ้น
สาเหตุที่แอร์ดูดกลิ่นจากภายนอกเข้ามาในบ้านเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น การรั่วไหลของอากาศจากท่อหรือช่องว่างต่างๆ ที่ไม่สนิท การทำงานของพัดลมแอร์ที่ดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาพร้อมกับอากาศภายใน และท่อน้ำทิ้งที่อาจมีการติดตั้งไม่เหมาะสมหรืออุดตัน ทำให้กลิ่นสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ นอกจากนี้สถานที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดีอย่างร้านอาหาร ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้กลิ่นภายนอกเข้ามาในระบบแอร์ได้
การที่แอร์ตัดบ่อยเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุก็มีวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกัน การปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ตั้งที่ 25 - 27 องศาเซลเซียส ดูแลรักษาแอร์ ล้างแอร์และทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ จะช่วยให้แอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบการติดตั้งและสภาพห้อง รวมถึงขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาแอร์ตัดบ่อย