9 วิธีเช็กอาการแผงโซลาร์เซลล์เสีย พร้อมวิธีแก้ไขให้กลับมาใช้งานได้
Key Takeaway
- สัญญาณแผงโซลาร์เซลล์ทำงานผิดปกติ เช่น ประสิทธิภาพการผลิตไฟลดลง ไฟตกบ่อย หรืออินเวอร์เตอร์แจ้งเตือนผิดปกติ รวมถึงสังเกตเห็นรอยแตกร้าวหรือความชื้นที่แผง
- สาเหตุที่โซลาร์เซลล์ทำงานผิดปกติ ได้แก่ ฝุ่นหรือเงาบดบัง แผงเสื่อมตามอายุ ความร้อนสูง อินเวอร์เตอร์หรือสายไฟขัดข้อง หรือการติดตั้งที่ไม่เหมาะสม
- เช็กอาการแผงโซลาร์เซลล์เสียโดยตรวจค่าการผลิตไฟจากอินเวอร์เตอร์ เทียบกับค่าเฉลี่ยปกติ และตรวจสภาพแผงว่ามีรอยแตก คราบสกปรก หรือสายไฟชำรุด หากพบค่าผิดปกติหรือแผงเสียหาย ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กระบบอย่างละเอียด
แผงโซลาร์เซลล์ที่ใช้งานหนักเป็นเวลานาน อาจเริ่มมีสัญญาณของความเสียหายโดยที่คุณไม่ทันสังเกต หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้การผลิตไฟฟ้าลดลง หรือระบบไฟฟ้าทั้งหมดหยุดทำงาน บทความนี้รวม 9 วิธีเช็กอาการแผงโซลาร์เซลล์เสีย พร้อมวิธีแก้ไข ให้คุณสามารถตรวจสอบและซ่อมแซมเองได้อย่างง่ายๆ เพื่อให้กลับมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง
วิธีดูสเปกแผงโซลาร์เซลล์ เลือกให้คุ้มค่า ใช้งานได้นาน
ก่อนจะตัดสินใจซื้อแผงโซลาเซลล์ จำเป็นต้องรู้วิธีเช็กแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อดูสเปกและรายละเอียดต่างๆ ซึ่งทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- ชนิด ชื่อรุ่น วันเดือนปีที่ผลิต ตรวจสอบชนิดแผง ชื่อรุ่น (Model No.) แบรนด์ และวันเดือนปีที่ผลิตจากเนมเพลทบนแผง เพื่อเช็กข้อมูลพื้นฐานก่อนตัดสินใจซื้อ
- ค่ากำลังการผลิตไฟของแผง ดูค่า Rated Maximum Power หรือ Pmax เพื่อบอกกำลังผลิตไฟของแผงภายใต้มาตรฐานแสง 1000W ต่อ ตร.ม. และอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ใช้เปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างแผงแต่ละรุ่น
- ค่าแรงดันสูงสุด ดูค่า Maximum Power Point Voltage หรือ Vmp เพื่อรู้ว่าแผงสามารถทนแรงดันสูงสุดได้เท่าไร โดยค่าแรงดันนี้จะถูกควบคุมโดยระบบอินเวอร์เตอร์อีกที
- ขนาดและค่าความคลาดเคลื่อน ตรวจสอบขนาด ความสูง – กว้าง – หนา และน้ำหนักของแผง (ทั่วไปประมาณ 2×1 ม. หนัก 25 กก.) พร้อมดูค่าความคลาดเคลื่อนของกำลังไฟ ซึ่งควรเป็นค่าบวกเพื่อให้มั่นใจว่าแผงให้ผลผลิตใกล้เคียงมาตรฐาน
- ผลการทดสอบและการรับประกัน ดูผลทดสอบคุณภาพ เช่น การทนความร้อน หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงเงื่อนไขการรับประกัน ทั้งด้านสินค้าและประสิทธิภาพ เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของแผง
- สัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน ตรวจสอบมาตรฐานรับรอง เช่น ISO 9001/14001, TUV, CE หรือ IEC เพื่อยืนยันคุณภาพ การผลิตที่ได้มาตรฐาน และความปลอดภัยของแผงโซลาร์เซลล์
สัญญาณเตือน! แผงโซลาร์เซลล์ทำงานผิดปกติหรือเสื่อมสภาพ
หากสงสัยว่าแผงโซลาร์เซลล์อาจไม่ได้มาตรฐานหรือมีความผิดปกติ สามารถตรวจเช็กจากสัญญาณเตือนต่อไปนี้
- ประสิทธิภาพการผลิตไฟลดลง ผลิตไฟได้น้อยกว่าปกติ ทั้งที่สภาพแสงเท่าเดิม หรือค่าไฟพุ่งขึ้นผิดปกติ
- แผงหรือสายไฟมีรอยชำรุด มีรอยแตก บิ่น ลายงา หรือตัวสายไฟหลวมหรือกรอบ ซึ่งอาจทำให้การผลิตไฟลดลงหรือเกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
- ระบบไฟฟ้าไม่เสถียร ไฟกะพริบ ไฟตกบ่อย หรืออินเวอร์เตอร์แจ้งเตือนผิดปกติ
- ฝุ่น สิ่งสกปรก หรือเงาบดบัง แผงสกปรกมาก ทำให้รับแสงได้น้อย ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงทันที
- อายุของแผงโซลาร์เซลล์ เมื่อใช้มานานเกิน 20 – 25 ปี ประสิทธิภาพจะลดลงตามธรรมชาติ
- สัญญาณไฟฟ้าขัดข้องหรือแรงดันตก ค่าแรงดันจากแผงไม่คงที่หรือมีการแจ้งเตือนจากระบบบ่อยครั้ง อาจบ่งบอกว่าแผงเริ่มเสื่อมสภาพ
สาเหตุที่โซลาร์เซลล์ทำงานผิดปกติ
โซลาร์เซลล์อาจทำงานผิดปกติได้จากทั้งสภาพแวดล้อม การเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน รวมถึงปัญหาทางกายภาพของตัวแผงหรือระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง การตรวจเช็กให้รอบด้านจะช่วยให้แก้ไขได้ตรงจุดและยืดอายุการใช้งานของระบบได้มากขึ้น
ปัญหาด้านประสิทธิภาพการทำงานของแผงโซลาร์เซลล์
- ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกบนแผง ฝุ่น ใบไม้ คราบน้ำ หรือมูลนก สามารถบังแสง ลดประสิทธิภาพการรับแสงได้
- เงาหรือการบดบังบางส่วน อาคารสูง ต้นไม้ หรือวัตถุรอบข้างที่บดบังแสงในบางช่วงเวลา
- การเสื่อมสภาพของเซลล์ (Degradation) แผงโซลาร์เซลล์มีอายุการใช้งานประมาณ 20 – 25 ปี ประสิทธิภาพจะลดลงตามเวลา
- ความร้อนสูงเกินไป (Thermal Effect) อุณหภูมิสูงทำให้แรงดันและกระแสไฟฟ้าลดลง
- การเชื่อมต่อหรืออินเวอร์เตอร์มีปัญหา สายไฟ หรืออินเวอร์เตอร์ทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อการจ่ายไฟ
- การออกแบบหรือวางแผงไม่เหมาะสม มุมเอียงหรือทิศทางไม่ถูกต้อง ทำให้รับแสงไม่เต็มที่
ปัญหาทางกายภาพที่ทำให้แผงโซลาร์เซลล์เสียหาย
- รอยแตกหรือหลุดลอกของเซลล์ เกิดจากแรงกระแทกหรือวัสดุร้อน
- รอยร้าวบนกระจกหน้าหรือแผง กระจกแตก ทำให้ฝุ่นและน้ำเข้าไปในเซลล์ได้
- การซีดจางหรือรอยด่างของเซลล์ เกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน
- การหลุดของขอบซีลหรือเฟรม ทำให้แผงรั่วน้ำ หรือมีความชื้นสะสม
- การกัดกร่อนของสายไฟหรือขั้วต่อ ทำให้การส่งไฟฟ้าไม่ต่อเนื่อง
- การสะสมของสิ่งแปลกปลอมหรือรังสียูวี ส่งผลต่อวัสดุป้องกันด้านหน้าและด้านหลังของแผง
9 วิธีเช็กอาการแผงโซลาร์เซลล์เสีย พร้อมแนวทางแก้ไข
แผงโซลาร์เซลล์แม้จะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 20 – 30 ปี แต่ก็สามารถเกิดความผิดปกติได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมตามอายุ อุปกรณ์หลวม ความชื้นเข้าสะสม ฝุ่นเกาะ หรือปัญหาจากระบบไฟฟ้าเอง
หากตรวจพบและแก้ไขตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยป้องกันความเสียหายหนัก ลดค่าใช้จ่าย และทำให้ระบบผลิตไฟได้เต็มประสิทธิภาพนานขึ้น ต่อไปนี้คือ 9 จุดสำคัญที่ควรเช็กเมื่อสงสัยว่าแผงโซลาร์เซลล์เริ่มมีปัญหา พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้น
1. ตรวจสอบไฟฟ้าที่ออกจากแผงโซลาร์เซลล์
หากแผงผลิตไฟได้ต่ำกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง หรืออินเวอร์เตอร์ขึ้นแจ้งเตือนกำลังไฟต่ำ อาจเป็นสัญญาณว่าแผงทำงานผิดปกติ วิธีตรวจสอบคือวัดแรงดันและกำลังไฟด้วยมัลติมิเตอร์หรือดูค่าผ่านอินเวอร์เตอร์แล้วเปรียบเทียบกับสเปกที่ระบุไว้ หากค่าที่ได้ต่ำมาก สามารถแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- ปิดระบบก่อนตรวจสอบทุกครั้ง
- เช็ดทำความสะอาดแผงเพื่อลดสิ่งสกปรก
- ตรวจการเชื่อมต่อสายว่าหลวมไหม
- หากยังผิดปกติ ควรให้ช่างตรวจเช็กสตริงแผงแบบละเอียด
2. ตรวจสอบการเชื่อมต่อสายไฟ
อาการที่บ่งบอกการเชื่อมต่อสายมีปัญหา เช่น ไฟตกเป็นช่วงๆ อินเวอร์เตอร์อ่านค่าสตริงไม่ครบ หรือมีจุดไหม้บริเวณหัวต่อ วิธีตรวจคือดูว่าขั้ว MC4 หลวม มีรอยไหม้ หรือเกิดสนิมออกซิเดชันหรือไม่ รวมถึงตรวจสายภายในปลอกว่าขาดหรือชำรุด หากพบปัญหาสามารถแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- กดล็อก MC4 ให้แน่น
- เปลี่ยนหัวต่อที่มีรอยไหม้ทันที
- มัดสายให้เข้าที่ เพื่อลดการเสียดสีจากลม
- ถ้าพบสายชำรุด ควรเปลี่ยนโดยช่างเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย
3. ตรวจสอบฟิวส์และเบรกเกอร์
เมื่ออินเวอร์เตอร์ไม่ทำงานหรือไฟไม่เข้าสตริง แม้อยู่กลางแดดจัด อาจเกิดจากฟิวส์ขาดหรือเบรกเกอร์ตัด วิธีเช็กคือดูฟิวส์ในตู้ควบคุมว่ามีรอยไหม้หรือขาดหรือไม่ และดูว่าเบรกเกอร์อยู่ในตำแหน่ง ON หรือไม่ หากพบความผิดปกติสามารถแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- เปิด – ปิดเบรกเกอร์ใหม่เพื่อลองรีเซต
- เปลี่ยนฟิวส์ที่ขาด หากมีตัวสำรอง
- หลีกเลี่ยงการใส่ฟิวส์ผิดขนาด
- หากเบรกเกอร์ตัดซ้ำ ควรหยุดใช้งานและให้ช่างตรวจสอบวงจรทันที
4. ตรวจสอบแผงโซลาร์เซลล์ว่ามีรอยร้าวหรือชำรุด
รอยร้าวหรือความเสียหายบนแผงทำให้กำลังการผลิตลดลงมาก โดยอาจสังเกตจากรอยแตก เส้นลายผิดรูป หรือไอน้ำเข้าในกระจก วิธีตรวจคือดูด้วยตาเปล่าหรือใช้ไฟส่องเพื่อให้เห็นตำหนิชัดขึ้น หากเป็นไมโครแคร็กอาจต้องตรวจด้วย EL Test โดยสามารถแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- หากรอยเล็กน้อย อาจใช้ต่อไปได้ แต่ประสิทธิภาพลดลง
- หากมีน้ำเข้า กระจกแตก ต้องเปลี่ยนแผงใหม่ทันที
- ไม่มีการซ่อมแผงร้าวให้กลับมาสมบูรณ์ 100%
5. ตรวจสอบการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก
หากพบว่าไฟตก 10 – 30% โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนหรือหลังพายุ หรืออินเวอร์เตอร์แสดงกราฟผลิตไฟลดลงในวันที่แดดดี ควรตรวจสภาพแผงด้วยตาเปล่าบริเวณกระจกทั้งหมด โดยเฉพาะขอบล่างที่มีฝุ่นสะสมมากที่สุด อาจพบแผงมีคราบดิน ฝุ่น มูลนก หรือเงาจากใบไม้ที่เป็นสาเหตุ สามารถแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- ทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า ห้ามใช้สารเคมี
- ใช้ผ้านุ่มหรือไม้ถูแบบนิ่มเพื่อลดรอยขีดข่วน
- ทำความสะอาดเป็นประจำทุก 1 – 3 เดือน
- หากแผงสูงหรือเข้าถึงยาก ให้ช่างทำความสะอาดโดยอุปกรณ์ปลอดภัย
6. ตรวจสอบการชาร์จแบตเตอรี่
หากแบตเต็มช้า ตัดไฟบ่อย หรือแรงดันตก อาจเกิดจากการชาร์จผิดปกติ วิธีเช็กคือดูสถานะการชาร์จบน Charge Controller ว่ามีแรงดันและกระแสถูกต้องหรือไม่ รวมถึงตรวจอุณหภูมิแบตว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย หากพบปัญหาสามารถแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- ตรวจว่าขั้วแบตแน่น
- ทำความสะอาดขั้วแบตที่มีคราบขาวออก
- รีสตาร์ต Charge Controller
- หากแบตบวม ร้อนผิดปกติ หรือเสื่อม ควรเปลี่ยนทันที
7. ตรวจสอบสถานที่ติดตั้ง
การติดตั้งที่มีเงาบัง เช่น ต้นไม้ เสาไฟ หรืออาคาร สามารถทำให้กำลังการผลิตลดลงเฉพาะบางช่วงเวลา วิธีเช็กคือสังเกตทิศแดดทั้งวันและดูกราฟผลิตไฟจากอินเวอร์เตอร์ว่ามีจุดตกลงผิดปกติซ้ำๆ หรือไม่ โดยมีวิธีแก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- ตัดแต่งต้นไม้ที่บดบัง
- ปรับมุมแผงหากติดตั้งไม่ถูกองศา
- เพิ่มช่องว่างให้ลมถ่ายเทได้ดีขึ้น
- หากตั้งผิดตำแหน่งตั้งแต่แรก ควรให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินใหม่
8. ตรวจสอบระบบอินเวอร์เตอร์
อินเวอร์เตอร์เป็นหัวใจของระบบ หากมี Error ระบบจะไม่จ่ายไฟ อาการที่พบบ่อยคือเครื่องรีสตาร์ตเอง ผลิตไฟไม่ออก หรือแสดงโค้ด Fault วิธีเช็กคือดูรหัส Error ตรวจแรงดันขาเข้า DC และตรวจว่าพัดลมระบายความร้อนทำงานหรือไม่ หากผิดปกติให้แก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- รีสตาร์ตเครื่อง
- เช็กการเชื่อมต่อสายสตริง
- ทำความสะอาดช่องระบายอากาศ
- ถ้า Error เดิมยังขึ้น ให้ช่างเข้าตรวจ เพราะอาจเป็นปัญหาในบอร์ดหรือ IGBT ภายใน
9. ตรวจสอบอายุการใช้งานและสภาพทั่วไป
เมื่อแผงมีอายุหลายปี ประสิทธิภาพจะค่อยๆ ลดลงตามธรรมชาติ และอาจเห็นสัญญาณเช่น ขอบ EVA เหลือง สกรูขึ้นสนิม หรือฐานยึดเสื่อม วิธีเช็กคือเปรียบเทียบผลผลิตไฟรายปี ตรวจสภาพโครงสร้าง ขั้วต่อ และตู้ควบคุมทุกจุด หากพบปัญหาให้แก้ไขเบื้องต้น ดังนี้
- ขันสกรูทุกจุด
- เปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสื่อม เช่น ซีลยางหรือขายึด
- ทำความสะอาดและตรวจระบบสายให้พร้อมใช้งาน
- หากเป็นอายุเกิน 20 – 25 ปี แนะนำให้เรียกผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจแบบละเอียด เพื่อประเมินว่าควรเปลี่ยนแผงหรืออัปเกรดระบบ
เคล็ดลับดูแลแผงโซลาร์เซลล์ ให้ใช้งานได้นาน
หลังติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้ว การดูแลและตรวจเช็กเป็นประจำช่วยให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น สามารถดูแลได้ง่ายๆ ดังนี้
- ตรวจสถานะอินเวอร์เตอร์สม่ำเสมอ ดูว่าไฟแสดงผลสีเขียวกะพริบตามปกติหรือไม่ หากไม่กะพริบ อาจเกิดอุปกรณ์เสียหรือระบบล้ม ให้เรียกช่างตรวจสอบทันที
- เช็กการทำงานผ่านหน้าจอแสดงผล ใช้จอแสดงผลที่ติดตั้งไว้เพื่อตรวจสอบข้อมูลการผลิตไฟรายวันอย่างเป็นระบบ
- จดบันทึกผลผลิตไฟฟ้าแต่ละวัน เก็บข้อมูลกำลังผลิตเพื่อเปรียบเทียบหาความผิดปกติ และวางแผนบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น
- ทำความสะอาดแผงอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ใช้น้ำเปล่า ผ้า หรือแปรงขนนุ่มทำความสะอาด หรือเลือกใช้ระบบล้างอัตโนมัติ (คล้ายสปริงเกอร์) หรือบริการจากผู้เชี่ยวชาญก็ได้
- หลีกเลี่ยงการล้างแผงในวันที่อากาศร้อนจัด น้ำเย็นกระทบแผงที่ร้อนมากอาจทำให้เกิดรอยแตกร้าวได้
- ไม่ใช้สารเคมีหรืออุปกรณ์ที่ทำให้เกิดรอย หลีกเลี่ยงแปรงแข็ง น้ำยากัดกร่อน หรืออุปกรณ์ที่อาจขูดผิวแผง ควรใช้เครื่องเป่าลมหรือผ้านุ่มแทน
- ตัดแต่งกิ่งไม้เป็นประจำ เพื่อป้องกันเงาบดบังหรือเศษใบไม้ตกใส่แผง
- ตรวจสายไฟและขั้วต่อทุกปี มองหาคราบสนิม จุดละลาย หรือสายหลวมที่อาจทำให้ไฟตกหรือไฟรั่ว
- เช็กยึดโครงสร้างแผงหลังพายุลมหรือฝนแรง เพื่อป้องกันแผงหลุดหรือเอียงผิดมุม
- ติดตั้งระบบกันนกหรือตาข่ายกันสัตว์ ลดโอกาสนกทำรังหรือสัตว์กัดสายไฟ
- ตรวจรับประกันและบริการหลังการขายตามรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบยังใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
สรุป
การตรวจสอบอาการแผงโซลาร์เซลล์เสียไม่ซับซ้อน แต่ควรทำเป็นประจำเพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ การเช็กเบื้องต้นด้วยตัวเองช่วยลดค่าใช้จ่ายและทำให้พบความผิดปกติได้เร็วขึ้น เช่น แผงสกปรก อินเวอร์เตอร์ผิดปกติ หรือแรงดันไฟตก หากพบสัญญาณที่แก้เองไม่ได้ ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจลุกลามและยืดอายุการใช้งานของระบบในระยะยาว
Chuphotic พร้อมดูแลครบวงจร ตั้งแต่ตรวจเช็กระบบ บำรุงรักษา ไปจนถึงอัปเกรดอุปกรณ์สำคัญ เช่น อินเวอร์เตอร์คุณภาพสูง และอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟของแผงโซลาร์เซลล์ให้คุ้มค่า จึงมั่นใจได้ว่าระบบจะทำงานได้ต่อเนื่อง ปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น!
FAQ — คำถามที่พบบ่อย
แผงโซลาร์เซลล์ควรตรวจสอบบ่อยแค่ไหน?
แนะนำให้ตรวจสอบระบบทุก 1 – 3 เดือน โดยเช็กสถานะอินเวอร์เตอร์ ปริมาณการผลิตไฟ และความสะอาดของแผง หากอยู่ในพื้นที่ฝุ่นมาก หรือติดตั้งใกล้ต้นไม้ ควรตรวจถี่ขึ้น นอกจากนี้ ควรให้ช่างตรวจเช็กระบบใหญ่ปีละ 1 ครั้ง
แผงโซลาร์เซลล์ร้อนเกินไปถือว่าเสียหรือไม่?
แผงโซลาร์เซลล์มีการร้อนขึ้นตามสภาพอากาศถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าร้อนผิดปกติจนประสิทธิภาพตกมาก หรืออินเวอร์เตอร์แจ้งเตือน อาจมีปัญหาการระบายความร้อนหรือเซลล์เสื่อม ควรตรวจสอบเพิ่มเติมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
ฝุ่นเยอะส่งผลต่อการชาร์จแบตเตอรี่จริงไหม?
ใช่ ส่งผลโดยตรง เพราะฝุ่นและคราบสกปรกทำให้แผงรับแสงได้น้อยลง ส่งผลให้การผลิตไฟลดลง และทำให้แบตเตอรี่ชาร์จไม่เต็มหรือใช้เวลานานกว่าเดิม การทำความสะอาดแผงจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
อายุเฉลี่ยของแผงโซลาร์เซลล์อยู่ที่กี่ปี?
โดยทั่วไปแผงโซลาร์เซลล์มีอายุเฉลี่ยประมาณ 20 – 25 ปี แม้จะใช้งานได้ยาวนาน แต่ประสิทธิภาพจะค่อยๆ ลดลงปีละประมาณ 0.5 – 1% ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผงและสภาพแวดล้อม
การใช้งานในฤดูฝนหรือฤดูหนาวต้องระวังอะไร?
ควรระวังน้ำรั่วซึมเข้าขอบซีล ความชื้นสูงที่ทำให้เกิดการกัดกร่อน รวมถึงแรงลมในช่วงพายุฝนที่อาจทำให้แผงหลุดหรือเอียง นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสายไฟและโครงสร้างหลังพายุเสมอเพื่อความปลอดภัย
ถ้าแผงโซลาร์เซลล์เสื่อม ต้องเปลี่ยนทุกแผงไหม?
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งหมด หากเสียหรือเสื่อมเพียงบางแผงสามารถเปลี่ยนเฉพาะแผงนั้นได้ แต่ในระบบที่เชื่อมต่อแบบอนุกรม (Series) ควรเลือกแผงที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้กระทบกำลังผลิตรวมของระบบ
การล้างแผงบ่อยๆ ทำให้เสียหายไหม?
ล้างได้ แต่ไม่ควรบ่อยเกินไป และต้องใช้วิธีที่ถูกต้อง หากใช้แปรงแข็งหรือสารเคมีรุนแรงอาจทำให้ผิวแผงเป็นรอยหรือซีลขอบเสียหาย การล้างปีละ 2 ครั้งถือว่าเพียงพอ ยกเว้นพื้นที่ฝุ่นเยอะอาจเพิ่มความถี่ได้
แผงโซลาร์เซลล์ไหม้ เกิดจากอะไร?
สายไฟหลวม ขั้วต่อเสื่อม ความชื้นเข้าระบบ หรือแรงดันไฟฟ้าผิดปกติ รวมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน การติดตั้งที่ไม่ได้คุณภาพก็เป็นสาเหตุสำคัญ จึงควรตรวจเช็กระบบไฟและขั้วต่อเป็นประจำเพื่อป้องกัน
มีวิธีทดสอบแผงโซลาร์เซลล์ไหม?
สามารถใช้เครื่องวัดแรงดัน (Voltage) และกระแส (Current) ทดสอบค่า Vmp และ Imp เทียบกับสเปกจากผู้ผลิต หรือใช้เครื่อง I-V Curve Tester เพื่อประเมินประสิทธิภาพอย่างละเอียด หากไม่ชำนาญควรให้ช่างตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
แผงโซลาร์เซลล์กระแสไม่ออก เกิดจากอะไร?
อาจเกิดจากแผงถูกบังแสง สายไฟหลุด อินเวอร์เตอร์ขัดข้อง ฟิวส์ขาด หรือแผงเสื่อมจนผลิตไฟไม่พอ นอกจากนี้ ปัญหาความชื้นเข้าขอบซีลก็ทำให้เซลล์เสียได้ หากตรวจเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้นควรเรียกช่างมาตรวจระบบทั้งหมด

