fbpx

เปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ จะพังไหม รู้จักวิธีใช้ที่ถูกต้อง ประหยัดไฟ ยืดอายุแอร์

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • เปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ จะพังไหม รู้จักวิธีใช้ที่ถูกต้อง ประหยัดไฟ ยืดอายุแอร์
เปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ จะพังไหม รู้จักวิธีใช้ที่ถูกต้อง ประหยัดไฟ ยืดอายุแอร์

เปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ จะพังไหม รู้จักวิธีใช้ที่ถูกต้อง ประหยัดไฟ ยืดอายุแอร์

Key Takeaway

เปิด ปิดแอร์บ่อยๆ พังไหม? เสี่ยงพังเร็วจริง เพราะทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่อง คอมเพรสเซอร์ต้องรับแรงดันไฟกระชากมากกว่าตอนทำงานปกติ ทำให้สึกหรอเร็ว อีกทั้งระบบต้องให้ความเย็นใหม่ซ้ำๆ ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักกว่าปกติ

ถ้าใช้นานเกิน 1 – 2 ชั่วโมง การเปิดยาวๆ ประหยัดและปลอดภัยกว่า เพราะแอร์ปรับรอบเองทำให้ทำงานคงที่ ส่วนการเปิด – ปิดถี่ๆ ทำให้คอมเพรสเซอร์สตาร์ตบ่อย กินไฟมากขึ้นและเสี่ยงเสื่อมเร็วกว่า

วิธีใช้แอร์ให้ถูกต้อง ประหยัดไฟ และยืดอายุได้จริงคือตั้งอุณหภูมิ 25 – 27 องศาเซลเซียส ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท ล้างแผ่นกรองสม่ำเสมอ และเลี่ยงเปิด – ปิดถี่ๆ ช่วยลดภาระคอมเพรสเซอร์ ทำให้เครื่องทำงานราบรื่น ประหยัดไฟและอยู่ได้นานขึ้น

รู้ไหมว่าการปิด – เปิดแอร์บ่อยๆ จะส่งผลต่ออายุการใช้งานและค่าไฟอย่างไร? หลายคนสงสัยว่าควรเปิดแอร์ตลอดเวลา หรือเปิดปิดตามต้องการถึงจะประหยัดไฟที่สุด และไม่ทำให้แอร์เสียเร็ว บทความนี้เราจะพาไปรู้จักวิธีใช้แอร์อย่างถูกต้อง เพื่อยืดอายุการใช้งาน ประหยัดไฟ และทำให้อยู่ในห้องเย็นสบายได้อย่างคุ้มค่า!

เปิด - ปิดแอร์บ่อยๆ เสี่ยงพังเร็วจริงไหม?

เปิด – ปิดแอร์บ่อยๆ เสี่ยงพังเร็วจริงไหม?

การเปิด – ปิดแอร์บ่อยๆ ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ เพราะทุกครั้งที่เริ่มสตาร์ตเครื่อง คอมเพรสเซอร์จะดึงกระแสไฟสูงกว่าปกติ ทำให้เกิดความร้อนและการสึกหรอเร็วขึ้น นอกจากนี้ อุปกรณ์ภายใน เช่น รีเลย์ แผงวงจร และมอเตอร์พัดลม ต้องรับแรงกระชากไฟซ้ำๆ จนอายุการใช้งานลดลง 


อีกทั้งอุณหภูมิในห้องที่ขึ้นลงรวดเร็วจากการเปิด – ปิดถี่ๆ ยังทำให้แอร์ต้องเร่งทำความเย็นใหม่เรื่อยๆ ส่งผลให้ระบบทำงานหนักเกินจำเป็น จึงมีโอกาสทำให้แอร์พังง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับการเปิดให้ทำงานต่อเนื่องในอุณหภูมิที่เหมาะสม

เปิดแอร์ยาวๆ หรือเปิด - ปิดบ่อยๆ วิธีไหนดีกว่า?

เปิดแอร์ยาวๆ หรือเปิด – ปิดบ่อยๆ วิธีไหนดีกว่า?

การใช้งานแอร์ให้คุ้มค่าและยืดอายุการใช้งาน จำเป็นต้องเลือกวิธีเปิดแอร์ให้เหมาะกับพฤติกรรมของคนที่อยู่ในห้อง หลายคนสงสัยว่าเปิดแอร์ยาวๆ ดีกว่าหรือควรเปิด – ปิดตามความต้องการ ซึ่งความจริงแล้วทั้งสองแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน และส่งผลต่อค่าไฟไม่เหมือนกันด้วย

เปิดแอร์ต่อเนื่อง

การเปิดแอร์ต่อเนื่องหรือการเปิดแอร์ยาวๆ ทำให้เครื่องทำงานคงที่ โดยตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม เช่น 25 – 27 องศาเซลเซียส แอร์จะปรับรอบการทำงานเอง ทำให้ระบบเย็นคงที่ตลอดเวลา

ข้อดี

  • ช่วยยืดอายุคอมเพรสเซอร์ เพราะไม่ต้องสตาร์ตใหม่บ่อย
  • รักษาอุณหภูมิให้คงที่ ทำให้รู้สึกสบายกว่า
  • ประหยัดไฟกว่า หากเปิดเกิน 1 – 2 ชั่วโมง เพราะคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องเร่งทำความเย็นใหม่ซ้ำๆ

ข้อเสีย

  • ใช้ไฟตลอดเวลาที่เปิด แม้บางช่วงไม่ได้อยู่ในห้อง
  • ถ้าตั้งอุณหภูมิต่ำเกินไป จะยิ่งสิ้นเปลืองและทำเครื่องทำงานหนัก

เปิด – ปิดตามความต้องการ

เปิด – ปิดตามความต้องการ เหมาะสำหรับการใช้งานช่วงสั้นๆ เช่น เข้าห้องเป็นพักๆ หรืออยู่ไม่แน่นอน การเปิด – ปิดตามต้องการช่วยควบคุมช่วงเวลาใช้งานได้เอง

ข้อดี

  • เหมาะกับการใช้งานไม่นาน ช่วยลดเวลาที่แอร์ต้องทำงาน
  • ประหยัดไฟ เฉพาะกรณีที่อยู่ในห้องไม่เกิน 30 นาที ต่อครั้ง

ข้อเสีย

  • คอมเพรสเซอร์สึกหรอไว เพราะต้องรับแรงกระชากทุกครั้งที่สตาร์ต
  • อุณหภูมิห้องขึ้นลงเร็ว ทำให้แอร์ต้องเร่งทำความเย็นใหม่ตลอด
  • หากเปิด – ปิดบ่อยในเวลาใกล้กัน สิ้นเปลืองไฟกว่า และทำให้แอร์พังเร็วขึ้น
ทำไมเปิด - ปิดแอร์บ่อยๆ ถึงเปลืองไฟกว่า?

ทำไมเปิด – ปิดแอร์บ่อยๆ ถึงเปลืองไฟกว่า?

การเปิด – ปิดแอร์บ่อยๆ เปลืองไฟกว่าการเปิดต่อเนื่อง เพราะทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่อง คอมเพรสเซอร์จะดึงกระแสไฟสูงกว่าช่วงที่ทำงานปกติหลายเท่า ทำให้เกิดการใช้พลังงานแบบกระชาก ส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ อุณหภูมิในห้องที่ร้อนขึ้นเร็วหลังปิดแอร์ จะทำให้เครื่องต้องเร่งทำความเย็นใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งใช้พลังงานมากกว่าเมื่อเทียบกับการเปิดแอร์ในอุณหภูมิคงที่ ดังนั้น หากต้องการเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟตอนอากาศร้อน ควรหลีกเลี่ยงการเปิด – ปิดถี่ๆ แต่ปิดเมื่อไม่ได้ใช้งาน และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมแทน

ถ้าเปิดแอร์นานๆ จะเป็นอย่างไร?

การเปิดแอร์ยาวต่อเนื่องไม่ใช่ปัญหา หากสภาพเครื่องยังดีและมีการดูแลอย่างเหมาะสม โดยระบบแอร์จะทำงานแบบปรับรอบ เมื่ออุณหภูมิถึงจุดที่ตั้งไว้ คอมเพรสเซอร์จะลดการทำงานลง ทำให้ไม่เปลืองไฟอย่างที่หลายคนคิด แต่หากเครื่องสกปรก ตัวกรองตัน หรือสารทำความเย็นรั่ว การเปิดนานๆ จะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้นจนเกิดความร้อนสะสมและเสื่อมเร็วได้

คอมเพรสเซอร์แอร์พัง เกิดจากอะไร?

คอมเพรสเซอร์แอร์พัง เกิดจากอะไร?

คอมเพรสเซอร์พังเกิดจากสาเหตุสะสม เช่น แผงคอยล์สกปรก น้ำยาแอร์รั่ว หรือเปิด – ปิดเครื่องบ่อยเกินไปจนคอมเพรสเซอร์ต้องรับแรงกระชากไฟซ้ำๆ อีกทั้งการตั้งอุณหภูมิต่ำมากหรือใช้แอร์ในห้องที่ซีลไม่ดี ทำให้เครื่องต้องทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงจนชิ้นส่วนภายในสึกหรอเร็วกว่าปกติ

เปิดแอร์ทุกวัน ทำให้แอร์พังเร็วไหม?

การเปิดแอร์ทุกวันไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้แอร์พังเร็ว สิ่งสำคัญคือวิธีใช้งานและการบำรุงรักษา หากตั้งอุณหภูมิพอดี ทำความสะอาดเป็นประจำ และไม่เปิด – ปิดถี่ๆ แอร์สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปีโดยไม่เสียหาย แต่ถ้าเปิดทุกวันในสภาพแอร์สกปรกหรือมีความผิดปกติ เช่น ลมเบา ไม่เย็น มีเสียงดัง เครื่องจะเสื่อมเร็วและมีโอกาสพังในเวลาไม่นาน

15 วิธีใช้แอร์ให้ถูกต้อง ประหยัดไฟ ยืดอายุได้จริง

15 วิธีใช้แอร์ให้ถูกต้อง ประหยัดไฟ ยืดอายุได้จริง

การใช้แอร์อย่างถูกวิธีช่วยประหยัดค่าไฟ อุปกรณ์ทำงานไม่หนัก แอร์อยู่ได้นานขึ้น ลดความเสี่ยงเสียบ่อยหรือคอมเพรสเซอร์พัง ลองมาดูแนวทางง่ายๆ ที่ทำได้ทันทีดังนี้

  1. ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม ควรตั้งที่ 25 – 27 องศาเซลเซียส เพื่อให้แอร์ทำงานในระดับดี ไม่เร่งเครื่องเกินไป ช่วยประหยัดไฟและยืดอายุคอมเพรสเซอร์ได้ดี
  2. ใช้โหมดประหยัดพลังงาน (Eco / Energy Saving Mode) โหมดนี้ช่วยลดรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ทำให้กินไฟน้อยลง และยังช่วยให้ระบบไม่ร้อนจัดจนเสื่อมเร็ว
  3. ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด การปิดห้องให้สนิทช่วยเก็บความเย็นไม่ให้รั่วออก ช่วยลดการทำงานหนักของแอร์ทำให้ค่าไฟลดลง
  4. ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเป็นประจำ ล้างทุก 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อลดการอุดตัน ช่วยให้ลมไหลดี คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
  5. ใช้โหมดพัดลม (Fan Mode) เมื่อห้องเย็นพอแล้ว เปิดโหมดพัดลมช่วยกระจายลมแทนการให้แอร์ทำงานต่อเนื่อง ช่วยลดการใช้พลังงาน
  6. เปิด – ปิดแอร์อย่างถูกวิธี หากออกจากห้องไม่เกิน 30 นาที ไม่ควรปิดแอร์ เพราะการสตาร์ตใหม่กินไฟสูง ควรเพิ่มอุณหภูมิแทน
  7. ปิดประตูและหน้าต่างให้สนิท เพื่อป้องกันลมร้อนจากด้านนอกไหลเข้ามา ทำให้คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินจำเป็น
  8. ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศสม่ำเสมอ ช่วยลดฝุ่นสะสม ป้องกันลมอุดตัน ทำให้ลมเย็นแรงขึ้นและระบบไม่กินไฟ
  9. อย่าวางสิ่งกีดขวางทางลม อย่าให้เฟอร์นิเจอร์หรือผ้าม่านบังช่องลมเย็นหรือคอยล์ร้อน เพราะจะลดประสิทธิภาพและทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น
  10. อย่าเปิดแอร์ทันทีหลังกลับจากข้างนอก รอให้เหงื่อแห้งหรือร่างกายเย็นลงก่อน เพื่อไม่ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำเกินและทำแอร์ทำงานหนักในช่วงแรก
  11. ทำความสะอาดแอร์สม่ำเสมอ ล้างแอร์โดยช่างทุก 6 เดือน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นและยืดอายุเครื่อง
  12. ป้องกันความร้อนจากภายนอก ติดม่านกัน UV ฟิล์มกันความร้อน หรือปิดม่านช่วงแดดแรง เพื่อลดภาระการทำความเย็นของแอร์
  13. ใช้พัดลมร่วมกับแอร์ ช่วยกระจายความเย็นทั่วห้อง ทำให้ไม่ต้องตั้งแอร์อุณหภูมิต่ำ ช่วยลดการกินไฟได้มาก
  14. ตรวจสอบและซ่อมแซมทันที ถ้าแอร์มีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น ลมเบา หรือเสียงดัง ควรตรวจเช็กเร็วที่สุดเพื่อป้องกันปัญหาใหญ่
  15. เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดพลังงาน เช่น ฉลากเบอร์ 5 หรือแอร์ระบบ Inverter ช่วยประหยัดไฟกว่า และรักษาอุณหภูมิได้คงที่ขึ้น

สรุป

เปิด – ปิดแอร์บ่อยๆ ไม่เป็นผลดีต่อเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะในส่วนของคอมเพรสเซอร์และระบบไฟฟ้าที่ต้องรับภาระจากการสตาร์ตเครื่องซ้ำหลายครั้ง ทำให้สึกหรอเร็วขึ้นกว่าปกติ ดังนั้น หากต้องการใช้งานแอร์ให้ทนและมีประสิทธิภาพ การเปิดแอร์ต่อเนื่องในช่วงเวลาที่อยู่ในห้องนานๆ พร้อมตั้งอุณหภูมิระดับปานกลางจะช่วยให้เครื่องทำงานเสถียร ประหยัดไฟ และถนอมอายุการใช้งานได้มากกว่า 

 

วิธีใช้งานแอร์ที่ถูกต้องคือ การใช้ Eco Mode ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม ปิดประตู – หน้าต่างให้สนิท และหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรใส่ใจคือ ระบบไฟฟ้าโดยรวมของบ้านหรืออาคาร เพราะหากไฟฟ้าไม่เสถียร หรือมีแรงดันไฟฟ้าผันผวน ก็อาจทำให้แอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ต้องทำงานหนัก ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นและอายุเครื่องลดลง 


แนะนำเครื่องรักษาแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (AVR) ที่ช่วยรักษาแรงดันให้คงที่ ไม่ให้แอร์ต้องถูกบีบให้ทำงานหนักเมื่อแรงดันตกหรือขึ้นเกินไป Chuphotic เราเป็นผู้เชี่ยวชาญระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์เสริม ทำให้การใช้แอร์ต่อเนื่องปลอดภัยและประหยัดไฟมากขึ้น!

FAQ — คำถามที่พบบ่อย

เปิดแอร์ทั้งวันเปลืองไฟหรือไม่?

เปิดแอร์ทั้งวันอาจเปลืองไฟหากห้องไม่ปิดสนิท หรืออุณหภูมิตั้งไว้ต่ำเกินไป แต่ถ้าเป็นแอร์ Inverter และตั้ง 25 – 27 องศาเซลเซียส แอร์จะปรับรอบเอง ทำให้ไม่กินไฟตลอดเวลาอย่างที่คิด การดูแลทำความสะอาดเป็นประจำช่วยลดภาระของแอร์ได้มากเช่นกัน

การเปิดแอร์ 1 ชั่วโมงแล้วปิด แล้วเปิดใหม่ พังไหม?

การเปิด – ปิดถี่ๆ ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องสตาร์ตบ่อย ซึ่งเป็นช่วงที่กินไฟและสึกหรอมากที่สุด หากทำเป็นประจำอาจทำให้อุปกรณ์ภายในแอร์เสื่อมเร็วขึ้นได้ แต่ถ้าทำเป็นครั้งคราวไม่ถึงกับทำให้พังในทันที

ฝุ่นเยอะๆ ทำให้แอร์กินไฟจริงไหม?

จริง เพราะฝุ่นจะอุดตันแผ่นกรองและแผงคอยล์ ทำให้ลมไหลเวียนน้อยลง แอร์ต้องเร่งรอบมากขึ้นเพื่อให้ได้ความเย็นเท่าเดิม ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นและเครื่องเสื่อมเร็ว การล้างแผ่นกรองทุก 2 – 4 สัปดาห์ช่วยลดปัญหานี้ได้มาก

การติดตั้งแอร์ที่โดนแดดร้อนทำให้กินไฟขึ้นหรือไม่?

ใช่ การติดตั้งให้คอยล์ร้อนโดนแดดจัดจะทำให้อุณหภูมิภายนอกสูงขึ้น ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อระบายความร้อน ส่งผลให้กินไฟเพิ่มขึ้น แนะนำให้ติดตั้งในที่ร่มหรือมีแผงบังแดดช่วย

คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเพราะอะไร?

สาเหตุหลักเกิดจากอุณหภูมิห้องสูงเกิน ฝุ่นอุดตัน น้ำยาแอร์รั่ว แรงดันไฟฟ้าไม่คงที่ หรือห้องมีความร้อนสะสมมาก คอมเพรสเซอร์จึงต้องเร่งทำงานเพื่อไล่ความร้อน ส่งผลให้เสื่อมเร็วและกินไฟมากขึ้น

การล้างแอร์บ่อยๆ ช่วยยืดอายุการใช้งานจริงไหม?

จริง เพราะการล้างแอร์ช่วยลดฝุ่นและสิ่งอุดตัน ทำให้ลมไหลเวียนดีขึ้น คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ลดความร้อนสะสมภายในเครื่อง และยังช่วยป้องกันอาการคอยล์เย็นเป็นน้ำแข็งหรือเสียงดังผิดปกติอีกด้วย

ควรพักแอร์วันละกี่ชั่วโมง?

ไม่มีข้อบังคับว่าต้องพักกี่ชั่วโมง หากแอร์อยู่ในสภาพดีและดูแลอย่างเหมาะสมสามารถเปิดยาวได้ แต่ควรพักบ้างเมื่อไม่อยู่ในห้อง และทำความสะอาดแอร์ตามระยะ เพื่อให้ระบบไม่ทำงานหนักเกินไปในระยะยาว

เปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน จะพังไหม?

ถ้าแอร์สะอาด น้ำยาเต็ม ระบบไฟเสถียร และติดตั้งถูกต้อง การเปิดทั้งวันทั้งคืนไม่ใช่ปัญหา โดยเฉพาะแอร์ Inverter แต่ต้องหมั่นล้างแผ่นกรองและตรวจเช็กสภาพเครื่อง เพื่อป้องกันความร้อนสะสมและการเสื่อมของคอมเพรสเซอร์

เปิดแอร์ครึ่งชั่วโมง เปลืองไฟไหม?

การเปิดแอร์เพียงครึ่งชั่วโมงไม่เปลืองมาก หากไม่เปิด – ปิดถี่เกินไป แต่ควรรู้ว่าช่วงสตาร์ตเครื่องจะกินไฟสูงที่สุด หากเปิดแอร์แค่แป๊บๆ หลายรอบต่อวัน แทนที่จะช่วยประหยัด อาจสิ้นเปลืองไฟมากขึ้นได้