fbpx

เครื่องปั่นไฟดีเซลหรือเครื่องปั่นไฟเบนซิน เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์?

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • เครื่องปั่นไฟดีเซลหรือเครื่องปั่นไฟเบนซิน เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์?
เครื่องปั่นไฟดีเซลหรือเครื่องปั่นไฟเบนซิน เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์?

เครื่องปั่นไฟดีเซลหรือเครื่องปั่นไฟเบนซิน เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์?

Key Takeaway

  • เครื่องปั่นไฟคืออุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า ใช้เป็นแหล่งไฟฟ้าสำรองในกรณีไฟฟ้าหลักขัดข้องหรือในพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ช่วยให้การทำงานและชีวิตประจำวันไม่สะดุด
  • เครื่องปั่นไฟดีเซลมีข้อดีคือกำลังไฟสูง ทนทาน ประหยัดน้ำมัน และปลอดภัยกว่า เหมาะกับงานหนักและใช้งานต่อเนื่อง แต่มีข้อเสียคือราคาสูง ขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และเสียงดัง
  • เครื่องปั่นไฟเบนซินมีข้อดีคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ราคาถูก เหมาะกับงานขนาดเล็กและใช้งานแบบพกพา ข้อเสียคือใช้น้ำมันมากกว่า อายุการใช้งานสั้น และกำลังไฟต่ำกว่าเครื่องปั่นไฟดีเซล
  • การดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟให้มีอายุการใช้งานนาน ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ ตรวจเช็กและทำความสะอาดไส้กรองอากาศ ตรวจสอบสายพานและนอตอย่างสม่ำเสมอ สตาร์ตเครื่องเป็นประจำ และเก็บในที่แห้งมีการระบายอากาศดี

 

ในยุคที่ไฟฟ้ากลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกกิจกรรม การมีเครื่องปั่นไฟที่ใช่จึงเป็นสิ่งจำเป็น เครื่องปั่นไฟมีให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะสองประเภทหลักอย่างเครื่องปั่นไฟดีเซลและเครื่องปั่นไฟเบนซิน ซึ่งแต่ละชนิดก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่ต่างกัน ทั้งในด้านราคา ความทนทาน และความสะดวกในการใช้งาน 

เครื่องปั่นไฟดีเซลจะประหยัดเชื้อเพลิง ใช้ได้นาน แต่มีเสียงดัง น้ำหนักมาก ราคาสูงกว่า ส่วนเครื่องปั่นไฟเบนซินน้ำหนักจะเบา ต้นทุนต่ำ เสียงเงียบ แต่ประสิทธิภาพเชื้อเพลิงต่ำกว่า และใช้ได้ไม่นาน บทความนี้จะพาไปเจาะลึกวิธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ เพื่อให้เลือกได้อย่างลงตัวกับความต้องการมากที่สุด

ทำความรู้จัก เครื่องปั่นไฟคืออะไร ทำไมต้องมี?

ทำความรู้จัก เครื่องปั่นไฟคืออะไร ทำไมต้องมี?

เครื่องปั่นไฟ (Generator) คืออุปกรณ์สำคัญที่เปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าตามทฤษฎีของไมเคิล ฟาราเดย์ พูดง่ายๆ คือเมื่อขดลวดเคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็ก หรือสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ผ่านขดลวด ก็จะเกิดแรงดันไฟฟ้าขึ้น ทำให้เราสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าใช้งานได้นั่นเอง เครื่องปั่นไฟมีความสำคัญมากในการผลิตไฟฟ้าสำรองเมื่อระบบหลักขัดข้องหรือในพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ช่วยให้บ้านเรือน โรงงาน และสถานที่สำคัญต่างๆ ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด 

ด้วยความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้ทุกที่และติดตั้งง่าย เครื่องปั่นไฟจึงป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้าดับและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจุบันเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันและรักษาความต่อเนื่องของกิจกรรมต่างๆ

เครื่องปั่นไฟดีเซลกับเบนซิน ต่างกันยังไง? อันไหนดีกว่า?

เมื่อพูดถึงเครื่องปั่นไฟที่ใช้กันทั่วไปในบ้าน หรือในงานอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่ามี 2 ประเภทหลักๆ คือเครื่องปั่นไฟดีเซลและเครื่องปั่นไฟเบนซิน แต่ละประเภทมีลักษณะการทำงาน จุดเด่น และข้อจำกัดที่แตกต่างกันการเลือกใช้งานจึงขึ้นอยู่กับความต้องการกำลังไฟ ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และงบประมาณที่มี 

เครื่องปั่นไฟดีเซลกับเบนซิน ต่างกันยังไง? อันไหนดีกว่า? ไปเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียให้เห็นกันชัดๆ ดังนี้

1. เครื่องปั่นไฟดีเซล

เครื่องปั่นไฟดีเซล (Diesel Generator) ทำงานโดยใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่เผาไหม้เชื้อเพลิงดีเซลเพื่อผลิตพลังงานกล แล้วแปลงเป็นไฟฟ้า จุดเด่นของเครื่องปั่นไฟดีเซลคือมีกำลังไฟสูงและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีกว่า เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการกำลังไฟสูงและต่อเนื่อง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานที่ก่อสร้าง หรือใช้ในงานที่ต้องการความทนทานและความเสถียรของไฟฟ้า

ข้อดี

  • กำลังไฟสูงและคงที่ เหมาะกับงานหนักและใช้งานต่อเนื่อง
  • ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน
  • ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
  • ปลอดภัยกว่า เพราะเชื้อเพลิงดีเซลติดไฟยากกว่า
  • ปัญหาจุกจิกน้อยและบำรุงรักษาง่ายกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซินในระยะยาว

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน
  • ขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายลำบาก
  • เสียงดังและมีมลพิษมากกว่า
  • ซ่อมบำรุงยากกว่าและค่าอะไหล่สูงกว่า

2. เครื่องปั่นไฟเบนซิน

เครื่องปั่นไฟเบนซิน (Gasoline Generator) ใช้เครื่องยนต์ที่เผาไหม้น้ำมันเบนซินเพื่อผลิตพลังงาน จุดเด่นคือมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย เหมาะกับการใช้งานขนาดเล็ก เช่น ใช้ในบ้าน งานแคมปิง หรืองานก่อสร้างขนาดเล็ก ที่ต้องการความคล่องตัวและใช้งานไม่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ข้อดี

  • ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
  • ราคาถูกกว่าเครื่องปั่นไฟดีเซล
  • ใช้งานง่ายและบำรุงรักษาน้อย
  • เสียงเงียบกว่า เหมาะกับติดตั้งในพื้นที่คนเยอะหรือแออัด
  • เหมาะกับงานขนาดเล็กและการใช้งานแบบพกพา

ข้อเสีย

  • ใช้น้ำมันเบนซินมากกว่าดีเซล ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
  • อายุการใช้งานสั้นกว่าและใช้งานต่อเนื่องได้น้อยกว่า
  • เชื้อเพลิงเบนซินเป็นสารไวไฟและมีอายุเก็บรักษาสั้น
  • กำลังไฟต่ำกว่าเครื่องปั่นไฟดีเซล ไม่เหมาะกับงานหนักหรือใช้งานนาน

วิธีดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟ ให้มีอายุการใช้งานนาน

วิธีดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟ ให้มีอายุการใช้งานนาน

เพื่อให้เครื่องปั่นไฟมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ควรดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟด้วยวิธีดังนี้

  • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจสอบและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ เช่น ทุก 250 – 500 ชั่วโมง หรือ 3 – 6 เดือน เพื่อป้องกันการสึกหรอและตะกอนสะสมที่อาจทำลายเครื่องยนต์
  • ทำความสะอาดเครื่องและไส้กรองอากาศ หมั่นทำความสะอาดตัวเครื่องและไส้กรองอากาศด้วยผ้าแห้งหรือผ้าหมาดๆ หลีกเลี่ยงการล้างด้วยน้ำโดยตรงเพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
  • ดูแลสายพานและหล่อลื่น ตรวจสอบสภาพสายพานเครื่องยนต์และใส่น้ำมันหล่อลื่นเป็นประจำเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานและให้การทำงานราบรื่น
  • ตรวจสอบความแน่นของนอตและขั้วสายไฟ ก่อนใช้งานทุกครั้ง ควรตรวจสอบความแน่นหนาของนอตและขั้วสายไฟเสมอ เพื่อป้องกันการคลายตัวและลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย
  • จัดการน้ำมันเชื้อเพลิงหลังใช้งาน หากไม่ได้ใช้งานเครื่องปั่นไฟเป็นเวลานาน ควรถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากถัง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำมันเก่าเสื่อมสภาพที่อาจสร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์
  • สตาร์ตเครื่องเป็นประจำ สตาร์ตเครื่องปั่นไฟอย่างน้อยเดือนละครั้ง แม้ไม่ได้ใช้งานจริง เพื่อรักษาสภาพแบตเตอรี่และช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติของเครื่องได้ทันที
  • จัดเก็บในที่เหมาะสม เก็บรักษาเครื่องปั่นไฟในที่แห้งและเย็น ปราศจากความชื้น ฝุ่น และความร้อนสูง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าภายใน

ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องปั่นไฟ

ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องปั่นไฟ

นอกจากการดูแลรักษาแล้ว ยังมีข้อควรระวังในการใช้เครื่องปั่นไฟที่ควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน ดังนี้

  • ปิดระบบก่อนตรวจเช็ก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปิดระบบเครื่องปั่นไฟทั้งหมดก่อนเริ่มการตรวจเช็ก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการสตาร์ตเครื่องยนต์โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้
  • ระวังฝาหม้อน้ำร้อน ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องยนต์ยังร้อนจัด เพราะแรงดันน้ำร้อนภายในอาจพุ่งออกมา ทำให้เกิดอาการน้ำร้อนลวกขั้นรุนแรงได้ ควรรอให้เครื่องเย็นลงก่อนเสมอ
  • จ่ายไฟให้พอดี ไม่ควรจ่ายกระแสไฟฟ้าเกินกำลังที่เครื่องปั่นไฟรองรับได้ เพราะอาจทำให้เครื่องเสียหาย และเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่เป็นอันตรายมากๆ
  • ไม่ปรับตั้งค่าขณะจ่ายไฟ หากพบความผิดปกติขณะเครื่องกำลังจ่ายกระแสไฟฟ้า ให้หยุดจ่ายไฟและแก้ไขปัญหาก่อน การปรับตั้งค่าอุปกรณ์ใดๆ ขณะที่เครื่องยังทำงานอยู่จะเกิดอันตรายได้
  • ห้ามเดินเครื่องโดยไม่มีผู้ดูแล ไม่ควรปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานโดยไม่มีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดได้ เช่น เครื่องร้อนจัด หรือเกิดเพลิงไหม้
  • หลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดเบรกเกอร์บ่อยๆ การเปิด-ปิดเบรกเกอร์สำหรับจ่ายโหลดบ่อยครั้งโดยไม่จำเป็น อาจทำให้ระบบไฟฟ้าของเครื่องปั่นไฟเสียหายได้ ควรทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น
  • ติดตั้งในที่โล่งและปลอดภัย ติดตั้งเครื่องปั่นไฟในบริเวณที่โล่ง มีการระบายอากาศที่ดี ห่างไกลจากฝุ่นละอองหรือวัตถุไวไฟ เพื่อป้องกันการสะสมความร้อนและลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้
  • ตรวจสอบค่าไฟฟ้าขณะจ่ายไฟ หมั่นตรวจสอบแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และความถี่ในขณะที่เครื่องกำลังจ่ายไฟอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องทำงานมีประสิทธิภาพและอยู่ในค่าที่เหมาะสม
  • ดูแลน้ำมันเครื่องและอุณหภูมิ ตรวจสอบแรงดันน้ำมันเครื่องและอุณหภูมิของเครื่องยนต์สม่ำเสมอ การรักษาระดับน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมและควบคุมอุณหภูมิจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
  • ติดตั้งสายดินให้ได้มาตรฐาน การติดตั้งสายดินตามมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูดและอุบัติเหตุทางไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นได้
  • รักษาระยะห่างจากสิ่งของ วางเครื่องปั่นไฟให้ห่างจากสิ่งของต่างๆ อย่างน้อย 1 เมตร เพื่อให้มีการระบายความร้อนที่ดี และช่วยลดเสียงรบกวนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
  • เติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้ถูกต้อง ตรวจสอบและเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้ถูกชนิดและปริมาณที่ผู้ผลิตแนะนำ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผิดประเภทหรือปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

เครื่องปั่นไฟควรใช้น้ํามันเครื่องเบอร์อะไร?

การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับเครื่องปั่นไฟเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่น เครื่องปั่นไฟดีเซลมักใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ 10W – 30 หรือ 10W – 40 เพื่อสร้างฟิล์มหล่อลื่นที่ช่วยลดการสึกหรอและระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเครื่องรุ่นใหม่หรือการใช้งานหนัก เพราะมีสมรรถนะสูงกว่าและทนทานต่ออุณหภูมิที่หลากหลาย ดังนั้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตเป็นหลัก เพื่อให้เครื่องปั่นไฟทำงานเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

เครื่องปั่นไฟใช้น้ํามันประมาณเท่าไร?

เครื่องปั่นไฟใช้น้ํามันประมาณเท่าไร?

เครื่องปั่นไฟจะใช้น้ำมันเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับขนาดกำลังไฟ (KVA) และปริมาณโหลดที่ใช้งานเป็นหลัก โดยปกติแล้วสามารถคำนวณอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างง่ายได้จากสูตรคำนวณ ดังนี้

  (KVA/10) × 2 ลิตรต่อชั่วโมง 

ยกตัวอย่างเช่น เครื่อง 10 KVA จะใช้น้ำมันประมาณ 2 ลิตรต่อชั่วโมงเมื่อทำงานเต็มที่ แต่ถ้าใช้งานที่โหลดต่ำกว่ากำลังสูงสุด เครื่องก็จะกินน้ำมันน้อยลงตามไปด้วย นอกจากนี้ เครื่องปั่นไฟดีเซลขนาดกลางทั่วไปมักมีถังน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 20 – 25 ลิตร และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องประมาณ 3 – 4 ลิตร ทุกๆ 100 ชั่วโมง หรือทุก 1 เดือน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

เครื่องปั่นไฟใช้ได้กี่ชั่วโมง?

เครื่องปั่นไฟใช้ได้กี่ชั่วโมง?

เครื่องปั่นไฟทั่วไปสามารถทำงานได้ต่อเนื่องประมาณ 8 – 12 ชั่วโมง ต่อการเติมน้ำมันเต็มถัง ซึ่งเหมาะสำหรับใช้งานในบ้านหรือไซต์งานก่อสร้างภายใต้โหลดมาตรฐาน ส่วนเครื่องขนาดใหญ่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมอาจทำงานได้ยาวนานหลายวันหากได้รับการดูแลและเติมน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาใช้งานจริงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำมันและโหลดไฟฟ้าที่ใช้ ยิ่งโหลดสูงเครื่องยิ่งใช้น้ำมันมากและทำงานได้สั้นลง ดังนั้น การเลือกขนาดที่เหมาะสมและบำรุงรักษาอย่างดีจะช่วยให้เครื่องปั่นไฟทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

สรุป

เครื่องปั่นไฟดีเซลและเบนซินมีจุดเด่นต่างกัน เครื่องปั่นไฟดีเซลเหมาะกับการใช้งานหนักและต่อเนื่อง ให้กำลังสูง ทนทาน และประหยัดเชื้อเพลิงในระยะยาว แม้จะมีเสียงดังและราคาเริ่มต้นสูงกว่า แต่ค่าบำรุงรักษาไม่แพงนัก ส่วนเครื่องปั่นไฟเบนซินเหมาะกับการใช้งานเบาและเป็นครั้งคราว มีราคาถูก ขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวกและเสียงเบากว่า แต่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าและมีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบดีเซล 

การเลือกซื้อจึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และระยะเวลาการใช้งานของคุณ หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกเครื่องปั่นไฟขนาดไหนให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ที่ Chuphotic เรามีเจ้าหน้าที่มืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาและผลิตภัณฑ์คุณภาพหลากหลายยี่ห้อให้เลือกสรร

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

เครื่องปั่นไฟเบนซิน 4 จังหวะ คืออะไร?

เครื่องปั่นไฟเบนซิน 4 จังหวะ คือเครื่องปั่นไฟที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 จังหวะ ซึ่งมีการทำงานของลูกสูบครบ 4 ขั้นตอน ได้แก่ ดูด บีบอัด ระเบิด และคาย เพื่อเปลี่ยนพลังงานเชื้อเพลิงเป็นพลังงานกลอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานและประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

เครื่องปั่นไฟเบนซิน 7.5 kW คืออะไร?

เครื่องปั่นไฟเบนซิน 7.5 kW คือเครื่องปั่นไฟที่มีขนาดกำลังไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 7.5 กิโลวัตต์ เหมาะสำหรับใช้งานในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง ที่ต้องการไฟฟ้าสำรองหรือใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าจากระบบหลัก

เครื่องปั่นไฟ 1 ชั่วโมง ใช้น้ำมันกี่ลิตร?

โดยทั่วไป เครื่องปั่นไฟขนาดกลางประมาณ 10 kVA จะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับโหลดและประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่ใช้งานจริง