Chuphotic จำหน่ายเครื่องสำรองไฟ (UPS) มีมาตรฐาน ใช้งานได้นาน
หากใครกำลังนึกเรื่องเครื่องสำรองไฟ (UPS) ให้นึกถึง Chuphotic เพราะที่นี่จัดจำหน่ายเครื่องสำรองไฟ ที่ดีมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีหลากหลายแบบ หลากหลายประเภทให้ได้เลือกสรรพร้อมด้วยฟีเจอร์มากมาย หากใครกำลังต้องการเครื่องสำรองไฟ Chuphotics UPS คือคำตอบที่จะช่วยให้การใช้งานตอบโจทย์ได้มากยิ่งขึ้น
เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) คืออะไร?
เครื่องสำรองไฟฟ้า หรือที่เราคุ้นหูว่า UPS ย่อมาจาก Uninterruptible Power Supply มีหน้าที่พื้นฐานสำคัญ 3 ประการด้วยกัน ได้แก่ เป็นแบตเตอรี่สำรองสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก และ เป็นอินเวอร์เตอร์ให้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ เกิดความผันผวน หรือมีสิ่งรบกวนอื่นๆ เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) จะช่วยป้องกันไฟฟ้ากระชาก ลดความถี่/ความแปรผัน และความผิดเพี้ยนของฮาร์โมนิกแก่อุปกรณ์ได้
ทำไมต้องมี UPS?
เครื่องสำรองไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้นแบบคาดไม่ถึงมาก่อน นั่นก็เพราะว่า เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เครือข่ายไร้สายที่เรามักใช้งานกัน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเล่นเกม เซิร์ฟเวอร์ และสิ่งอื่นๆ ซึ่งเครื่องสำรองไฟฟ้าจะช่วยเข้ามารับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นขนาดที่เราใช้อุปกรณ์ของเราอยู่ ไม่ว่าจะเกิดไฟตก ไฟกระชาก ไฟดับ การมีเครื่องสำรองไฟฟ้า Chuphotic เอาไว้ก็จะทำให้เราอุ่นใจในการใช้งานได้ เพราะ Chuphotic UPS จะทำให้เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และป้องกันความเสียหายได้
เครื่องสำรองไฟฟ้าเหมาะสำหรับทั้งการใช้งานในครัวเรือน ส่วนบุคคล และแน่นอนว่ายังเหมาะกับระบบอุตสาหกรรม สำนักงานด้วยเช่นกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่แรงดันไฟฟ้าเกิดความผิดปกตินั้น จะก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ของเราได้ แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แค่เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ตาม เนื่องจากไฟฟ้าส่วนเกินจะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเราเกิดความร้อนที่สูงมากเกินไป สายไฟอาจขาดและแตกหัก แผงวงจรก็อาจเกิดความขัดข้อได้ และจะทำให้ส่งผลต่อส่วนประกอบทางไฟฟ้าแทบทั้งหมด แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยการติดตั้งอุปกรณ์ Chuphotic UPS
UPS ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
- ไฟดับ : ปัญหาไฟดับเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมากที่สุด เมื่อไฟดับเราจะเสียแหล่งจ่ายไฟทั้งหมดไป อาจเกิดจากปัญหาด้านสาธารณูปโภคขัดข้อง ภัยธรรมชาติ หรือความผิดพลาดของมนุษย์ ส่งผลให้ไฟดับตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนถึงหลายชั่วโมง
- ไฟกระชาก : การเกิดไฟฟ้ากระชากแม้จะเกิดเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่มีความรุนแรงจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งส่วนของแผงวงจรและส่วนประกอบ ปัญหานี้โดยส่วนมากจะเกิดจากฟ้าผ่า
- แรงดันไฟเกิน : แรงดันไฟฟ้าสูงกว่าขีดจำกัดของระบบ
- ความผันผวนของความถี่ : เกิดความแปรผันระยะสั้นของระดับแรงดัน
- เกิดสัญญาณรบกวน : เกิดสัญญาณไฟฟ้าที่ไม่พึ่งประสงค์ที่เข้ามารบกวนหรือบิดเบือนสัญญาณ
จะเห็นได้ว่าปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าเหล่านี้ส่งผลต่อตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดยตรง แถมยังทำให้กระบวนการทำงานต่างๆ เกิดการขัดข้องได้อีกด้วย เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ การติดตั้งเครื่องสำรองไฟ UPS ที่ได้มาตรฐาน จากแหล่งจัดจำหน่ายที่เชื่อถือได้ จึงเป็นทางเลือกที่ใครหลายๆ คนไว้วางใจ
ประเภทของเครื่องสำรองไฟบ้าน UPS
เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) มีหลากหลายประเภท หลากหลายรูปแบบของการทำงาน เรามาดูกันว่าแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วแต่ละแบบเหมาะแก่การใช้งานในรูปแบบใด ดังนี้
1. Standby UPS
Standby UPS หรือที่เรียกว่าเครื่องสำรองไฟฟ้าแบบออฟไลน์ เป็นเครื่องสำรองไฟที่มีราคาถูกที่สุดในทุกประเภท หลักการใช้งานทั้งหมดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะได้รับพลังงานโดยตรงผ่าน Input Power โดยที่ตัวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะได้รับพลังงานจาก Standby UPS เมื่อเกิดเหตุไฟดับเท่านั้น
2. Line Interactive UPS
Line Interactive UPS เป็นเครื่องสำรองไฟที่เป็นเวอร์ชันที่อัปเกรดจากแบบ Standby โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ ระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูง หรือต่ำอัตโนมัติ (Stabilizer) ที่จะเข้ามาเชื่อมต่อกับตัว Output ตลอดเวลาเพื่อป้องกันปัญหาทางระบบไฟฟ้า ช่วยให้ UPS ไม่จำเป็นต้องจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ทุกครั้งที่ไฟตก หรือไฟเกินไม่มากนัก
3. True Online UPS (Double Conversion)
True Online UPS เครื่องสำรองไฟฟ้าประเภทนี้จะสามารถป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ดีที่สุด และมีราคาสูงสุดด้วยเช่นกัน ในการทำงานเครื่องประจุไฟฟ้า และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าจะทำงานตลอดเวลา สำหรับการใช้งานระบบจะทำการแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ให้เป็นกระแสตรง (DC) ทำให้ในช่วงที่ไฟฟ้าดับ ไฟตก หรือไฟกระชาก จะไม่ส่งผลกระทบกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และไม่เกิดระยะเวลาดีเลย์
รวม 6 วิธีเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟ UPS ยังไงดี?
หลังจากที่เราได้รู้แล้วว่าเครื่องสำรองไฟมีกี่ประเภทแตกต่างกันอย่างไรบ้างแล้ว มาดูว่าหากจะเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้านั้น ควรเลือกแบบใดถึงจะเหมาะกับลักษณะการใช้งาน
1. เลือก UPS จากขนาดและโหลด
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟมาใช้งาน เราจะต้องรู้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่เรามีอยู่นั่นต้องการกำลังไฟมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะทำให้เราสามารถคำนวณแรงไฟและเลือกเครื่องสำรองไฟมาใช้ได้ตามความเหมาะสม และทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หรือหากไม่มั่นใจว่าเครื่องสำรองไฟจะพอสำหรับอุปกรณ์ของตนเองหรือไม่ ก็สามารถมาปรึกษาเรื่องการคำนวณไฟ และเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟที่ Chuphotic
2. เลือก UPS ที่มีรันไทม์ตรงตามความต้องการ
ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างในการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟก็คือลักษณะการใช้งาน โดยส่วนมากแล้วการทำงานของเครื่องสำรองไฟจะใช้งานได้ประมาณ 5 นาที โดยหากการใช้งานอุปกรณ์ของเราที่มากขึ้น ต้องการการสำรองไฟที่มากขึ้น ก็อาจจะเลือกเครื่องสำรองไฟที่มีรันไทม์ที่สูงขึ้นตามความต้องการการใช้งานของเซิร์ฟเวอร์ หรือหากลักษณะการใช้งานของเราส่วนใหญ่เป็นการใช้งานเครือข่ายไร้สาย อินเทอร์เน็ต ก็อาจจะต้องการการสำรองไฟที่มากขึ้น ประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามการเชื่อมต่อ และการใช้งานของอุปกรณ์ที่เพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้รันไทม์ของเครื่องสำรองไฟสั้นลงตามไป
3. เลือก UPS ที่มีเต้ารับเพียงพอ
เลือก UPS ที่มีเต้ารับที่เพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบันของเรา และควรคำนึงถึงการใช้งานเพิ่มเติมในอนาคตไว้ด้วยได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามต้องระวังการใช้งานที่โหลดมากเกินไป ซึ่งอาจไม่ปลอดภัยต่อการใช้งานได้ ใน UPS บางรุ่นจะมีเต้ารับที่รองรับเฉพาะไฟกระชากเท่านั้น จะไม่มีการสำรองไฟ ดังนั้นควรมีการศึกษาการทำงานของ UPS ให้ดีก่อน อาจผ่านการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Chuphotic เรื่อง UPS ได้ตามความต้องการในการใช้งานของคุณ
4. เลือก UPS ที่มีฟีเจอร์ตอบโจทย์
ฟีเจอร์เพิ่มเติมของ UPS เป็นสิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจใช้งาน เนื่องจากจะช่วยให้เราสามารถนำมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยคุณสมบัติที่โดดเด่น มีดังนี้
- เลือกให้เหมาะกับระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของเรา เพื่อทำให้สามารถเสริมสร้างการทำงานของกันได้ดียิ่งขึ้น
- ตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีเต้ารับที่พร้อมใช้งานครบทุกช่องต่ออุปกรณ์ของเรา เนื่องจากไม่ใช่ทุกช่องรับจะมีการรองรับการทำงานที่เหมือนกัน หรือบ้างอาจทำหน้าที่ได้เฉพาะป้องกันไฟกระชากเท่านั้น
- เลือกใช้กับหน้าจอ LCD ที่จะแสดงการทำงาน และความพร้อมในการใช้งานของ UPS ที่จะช่วยแสดงค่าแบตฯ เพื่อทำให้เราสามารถจัดการในการทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- การควบคุมระยะไกล (Remote monitoring) เนื่องจาก UPS บางชนิดสามารถทำงานได้ดีในระยะไกล ดังนั้น การพิจารณาจุดเพื่อติดตั้งก็จะช่วยเสริมการทำงานของอุปกรณ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น
- UPS บางชนิดสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่สำรองได้ ในขณะที่บางชนิดจะหมดอายุการใข้งานทันทีที่แบตเตอรี่หมด ซึ่งสองสิ่งนี้มีความแตกต่างกันอย่างมากจึงควรที่จะพิจารณาให้ดีก่อนซื้อ
- UPS ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไออน (Li-ion) จะมีอายุการใช้งานที่นานกว่า และมีน้ำหนักที่เบากว่า อีกทั้งยังใช้เวลาในการชาร์จแบตฯ ที่ไวขึ้น
5. เลือก UPS ที่มีมาตรฐานสากล
การเลือกเครื่องสำรองไฟที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานจะทำให้การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าปลอดภัย และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจไร้กังวล โดย Chuphotic UPS ดำเนินงานภายใต้การควบคุม ดูแลของวิศวกรไทยที่มีคุณภาพ และมีประสบการณ์ ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล สำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบังคับ มอก. 1291 เล่ม 1-2553, 1291 เล่ม 2-2553 และ 1291 เล่ม 3-2552 และยังได้รับการตรวจสอบโรงงานตามมาตรฐาน ISO 9001-2008 และมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001-2015 อีกทั้งยังได้รับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยุโรปด้วยเช่นกัน
6. เลือก UPS ที่มีบริการหลังการขายครบครัน
เครื่องสำรองไฟ (UPS) เป็นอุปกรณ์ที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและถูกวิธี เพื่อทำให้ผู้ใช้งานปลอดภัย และทำให้อุปกรณ์สามารถใช้งานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ Chuphotic UPS จะคอยดูแลตั้งแต่แรกไปจนถึงบริการหลังการขาย ทั้งบริการดูแลรักษาแบบเฉพาะส่วน ซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ให้อุปกรณ์ตามความเหมาะสม และบริการแบบรายปีที่จะดูแล บำรุงรักษาให้อุปกรณ์อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา
3 วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS
หลังจากที่ได้พิจารณาเลือกซื้อตัวสำรองไฟแล้ว ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าประสิทธิภาพการทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในหัวข้อนี้เราขอแนะนำ 3 วิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ UPS ให้ได้สูงที่สุด
ก่อนอื่นเมื่อเลือกซื้อตัวสำรองไฟแล้วอย่าลืมลงทะเบียนประกันเครื่อง UPS ให้เรียบร้อย เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของในกรณีที่เครื่องสูญหาย และการให้การสนับสนุนด้านเทคนิค
1. รักษาระบบ UPS ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม
สำหรับการเตรียมสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงระบบสำรองไฟฟ้าควรเตรียมพื้นที่ให้เย็น และสะอาด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ควรมีอากาศเย็น และปราศจากความชื้น มีการไหลเวียนของอากาศ และการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม อีกทั้งยังไม่ควรวาง UPS ไว้ใกล้หน้าต่างที่เปิดอยู่ หรือใกล้บริเวณที่มีความชื้น และฝุ่นละอองสูง
นอกจากนี้ ควรจัดเก็บระบบ UPS ให้อยู่ให้ที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 20–25 องศาเซลเซียส และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการไหลเวียนของอากาศที่เหมาะสม จัดตำแหน่งระบบ UPSไม่ให้ช่องระบายอากาศถูกปิดกั้น ตรวจสอบช่องระบายอากาศเป็นระยะ ทำความสะอาดขจัดฝุ่น และสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ อย่าลืมตรวจสอบให้แนะใจว่าแบตเตอรี่ชาร์จจนเต็มเสมอโดยเสียบปลั๊กระบบ UPS หมั่นทำการทดสอบรันไทม์เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่ามีการทำงานที่เหมาะสมที่สุด
2. คำนวณรันไทม์ขั้นต่ำเพื่อให้แน่ใจว่าปิดเครื่องได้อย่างปลอดภัย
การคำนวณรันไทม์ขั้นต่ำจะทำให้เรารู้ว่าการใช้งานนั้นเพียงพอต่อความต้องการของอุปกรณ์ของเราหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อการใข้งาน และสามารถใช้งานอย่างเสถียร โดยรันไทม์คือจำนวนเวลาที่ UPS ให้พลังงานจากแบตฯ ไปยังโหลด ซึ่งคำนวณได้โดยนำความจุของแบตเตอรี่ UPS มาคูณด้วยแรงดันที่เข้าของ UPS หลังจากนั้นจึงนำผลลัพธ์ที่ได้มาหารออกด้วยโหลดที่เชื่อมต่อทั้งหมด (เป็น Watts) หรือสำหรับ UPS รุ่น Liebert ใช้เครื่องคำนวณเวลาการใช้งานของ UPS จาก Vertiv เพื่อกำหนดเวลาการทำงานของแบตเตอรี่สำหรับ UPS รุ่น Liebert เพียงแค่กรอกรายละเอียดของรุ่นและใช้แถบบนกราฟ Interactive ไปใส่ที่โหลด เพื่อดูระยะการทำงาน
3. ติดตั้งระบบแจ้งเตือน
หากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีความสำคัญต่อการทำงาน สามารถติดตั้งระบบแจ้งเตือนเกี่ยวกับพลังงานของระบบ UPS ด้วยการติดตั้งระบบแจ้งเตือนทั้งการมองเห็น และแจ้งเตือนด้วยเสียง
Visible Alerts : ติดตั้งไฟ LED และจอ LCD เพื่อแสดงสถานะของ UPS รวมถึงแจ้งเตือนปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
เสียงเตือน : ระบบ UPS บางรุ่นมีระบบเสียงเพื่อแจ้งเตือนให้ทราบถึงสถานะต่างๆ ได้ เช่น แจ้งเตือนแบตเตอรี่ต่ำ และโอเวอร์โหลด
UPS หรือเครื่องสำรองไฟ เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใช้งานได้แม้ต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด อย่างไฟดับ ไฟตก หรือไฟกระชาก ที่อาจส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ ดังนั้นการติดตั้งเครื่องสำรองไฟจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี โดยมีทั้งแบบมาตรฐานหรือ Stand by UPS ที่จะช่วยป้องกันอุปกรณ์ของเราจากเหตุไฟดับ LIne Interactive UPS ที่จะสามารถทำงานได้ดีด้วยระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูง-ต่ำได้อัตโนมัติ และแบบ True Online UPS ที่สามารถช่วยป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกรูปแบบอย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยการเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าก็ควรพิจารณาจากความต้องการในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นกำลังไฟ จำนวนอุปกรณ์ และเลือกเครื่องสำรองไฟให้ได้มาตรฐาน Chuphotic UPS ขายเครื่องสำรองไฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานสากล และดำเนินการดูแล ให้บริการโดยวิศวกร ผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังได้รับการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้อุปกรณ์สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง