fbpx

เครื่องปั่นไฟใช้ยังไง วิธีการใช้งานให้ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • เครื่องปั่นไฟใช้ยังไง วิธีการใช้งานให้ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
ปกบทความวิธีใช้เครื่องปั่นไฟ

เครื่องปั่นไฟใช้ยังไง วิธีการใช้งานให้ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

เครื่องปั่นไฟ คือ เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อนำไปเป็นไฟสำรองในยามจำเป็น เช่น กรณีไฟดับ ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยปัจจุบันเครื่องปั่นไฟไม่ได้ใช้เพียงโรงงานอุตสาหกรรม หรือธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ในครัวเรือน หรือใช้นอกบ้านได้อีกด้วย บทความนี้ จึงมาแนะนำวิธีใช้เครื่องปั่นไฟว่าใช้ยังไงให้ถูกวิธี รวมถึงการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟอย่างไรให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน

เครื่องปั่นไฟ

เครื่องปั่นไฟ คืออะไร?

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) หรือที่เราเรียกติดปากกันสั้นๆ ง่ายๆ ว่าเครื่องเป็นไฟ เป็นอุปกรณ์สำรองไฟฟ้า ทำงานโดยเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้จากการค้นพบของนักเคมี และฟิสิกส์ชาวอังกฤษอย่าง ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) เมื่อปี 1831 เขาได้นำลวดทองแดงมาพันกับวงแหวนเหล็ก และใช้ผ้าเป็นฉนวน จากนั้นต่อลวดกับเครื่องมือวัดกำลังกระแสไฟฟ้า (Galvonometer) เมื่อเขาขยับแม่เหล็กกลับไปกลับมา พบว่าเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น จึงทำให้หัวใจสำคัญของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในปัจจุบัน ได้มาจากการค้นพบของฟาราเดย์นั่นเอง

การใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเข้ามามีส่วนสำคัญในการผลิตไฟฟ้าสำรอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ไฟดับ ไฟฟ้าไม่เพียงพอ อุบัติเหตุ ภัยพิบัติต่างๆ รวมถึงในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า โดยเครื่องปั่นไฟแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ 1. ชนิดกระแสตรง (Dynamo) 2. ชนิดกระแสสลับ (Alternator) อีกทั้งยังสามารถแบ่งตามขนาด และการการใช้งานได้ 2 แบบ ดังนี้

    • เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก-กลาง เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก-กลาง เป็นขนาดที่เหมาะกับการใช้งานในครัวเรือน ตามไซต์งานก่อสร้าง นำไปใช้ในการเชื่อมโลหะ แคมปิง หรืออุตสาหกรรมต่างๆ เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าเริ่มตั้งแต่ 1-20 กิโลโวลต์แอมป์ (kVA) สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก พกไปใช้นอกบ้านได้ ส่วนขนาดกลาง มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 20-2,500 กิโลโวลต์แอมป์ (kVA) เหมาะกับการใช้กับอุตสาหกรรมขนาดกลาง-ใหญ่ เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล โรงงาน เป็นต้น

ตัวอย่างเครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก-กลาง เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ (Portable generator) และ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าอินเวอร์เตอร์ (Inverter generator)

    • เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้าสำรองได้ยาวนานหลายวัน มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 4,000 กิโลโวลต์แอมป์ (kVA) ขึ้นไป ด้วยความที่ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่จึงมักใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม อาคารสูง ธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างเช่น Standby generator ที่จะมีขนาดใหญ่ ราคาสูง เคลื่อนย้ายได้ยาก

เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่จำเป็นต้องติดตั้งบนพื้นคอนกรีต (Concrete pad) ที่ได้มาตรฐานเหมาะสมกับขนาดตัวเครื่อง สามารถรองรับน้ำหนัก และแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี รวมทั้งต้องคำนึงมีความปลอดภัย มีที่กั้นไม่ให้คนภายนอกเข้าถึงตัวเครื่องได้ และมีควรมีการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยลดเสียงรบกวน

ประเภทของเครื่องปั่นไฟ

ประเภทของเครื่องปั่นไฟ

ประเภทของเครื่องปั่นไฟสามารถแยกได้เป็นหลายรูปแบบที่เป็นที่นิยมแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อย่างในประเทศไทย และประเทศในแถบยุโรปก็มีการเลือกใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่แตกต่างกัน โดยมีดังนี้

เครื่องปั่นไฟเบนซิน

เครื่องปั่นไฟเบนซิน เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้เบนซินเป็นตัวขับเคลื่อน ถึงแม้เรียกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซินแต่ก็สามารถใช้เชื้อเพลิงอย่าง เอทานอล หรือแก๊สโซฮอล์ได้เช่นเดียวกัน เหมาะกับการใช้งานในครัวเรือน เพราะถูกออกแบบให้มีการใช้เชื้อเพลิงที่น้อยลง และเหมาะกับการใช้งานที่ไม่บ่อยนัก อาจใช้เดือนละไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละ 3-4 ชั่วโมง หากกำลังมองหาเครื่องปั่นไฟที่ใช้ในครัวเรือน เครื่องปั่นไฟของทาง Chuphotic ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งขนาด และการใช้งาน

    • ข้อดี ขนาดเล็ก ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวกง่ายดาย ใช้งาน และดูแลรักษาง่าย
    • ข้อเสีย หากไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ หรือปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้ใช้งาน จะสตาร์ตเครื่องติดได้ยาก

เครื่องปั่นไฟดีเซล

เครื่องปั่นไฟดีเซลใช้ดีเซลเป็นตัวขับเคลื่อน เหมาะกับการใช้งานที่หนัก และใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ออกแบบมาให้มีการเผาไหม้ที่ดี ใช้งานได้ยาวนาน และคงทนกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน Product ของทาง Chuphotic ที่ใช้ดีเซลเป็นตัวขับเคลื่อนมีให้เลือกจากหลากหลายซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็น Volvo, Perkins, Duetz และ Bauduoin

    • ข้อดี มีราคาไม่แพง แต่ทนทาน ให้กระแสไฟสม่ำเสมอ และสามารถหาซื้ออะไหล่ได้ง่าย
    • ข้อเสีย ขนาดใหญ่ เสียงดัง ไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย ดูแลรักษาค่อนข้างยาก

เครื่องปั่นไฟอินวอเตอร์

เครื่องปั่นไฟแบบอินเวอร์เตอร์ คือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่พัฒนามาจากเครื่องปั่นไฟแบบเบนซิน และดีเซล มีน้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย มีหลากหลายขนาด ทั้งยังผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ เครื่องปั่นไฟอินเวอร์เตอร์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ขนาด คือ ขนาดพกพา (ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2,000 วัตต์) ขนาดกลาง (ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2,500-4,500 วัตต์ ) และขนาดใหญ่ (ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 5,000 วัตต์ขึ้นไป)

    • ข้อดี ขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย ไม่มีเสียงรบกวน ประหยัดเชื้อเพลิง
    • ข้อเสีย ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าจำนวนมากได้ หากเทียบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดอื่น

เครื่องปั่นไฟแบตเตอรี่

เครื่องปั่นไฟแบตเตอรี่ ไม่ได้ใช้งานจากเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน แต่เป็นการใช้แบตเตอรี่แทน ทำให้ประหยัดมากขึ้น ได้กระแสไฟฟ้าที่บริสุทธิ์ ไม่นิยมใช้ในไทย แต่นิยมในประเทศฝั่งยุโรปมากกว่า

    • ข้อดี ไม่ต้องสตาร์ต พกพาสะดวก
    • ข้อเสีย ราคาสูง เวลาใช้งานที่จำกัด

เครื่องปั่นไฟพลังงานแสงอาทิตย์

เครื่องปั่นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ คือ เครื่องปั่นไฟที่นำเอาพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ มีการใช้แผงโซลาร์เซลล์มาใช้เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟตรง (Direct Current) แบตเตอรี่จะทำการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ สำหรับการใช้งานนั้น เหมาะกับการนำไปแคมปิง หรือเป็นแหล่งพลังงานสำรอง

    • ข้อดี ประหยัดเชื้อเพลิง เพราะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ พกพาสะดวก
    • ข้อเสีย ราคาสูง ใช้งานได้จำกัด
วิธีใช้งานเครื่องปั่นไฟฟ้า

วิธีใช้งานเครื่องปั่นไฟฟ้า

หลายคนอาจยังไม่เคยใช้งานเครื่องปั่นไฟ และไม่รู้ว่าวิธีการใช้เครื่องปั่นไฟต้องทำอย่างไร ซึ่งการใช้งานเครื่องปั่นไฟฟ้านั้นไม่ยาก เพียงแค่ทำตามขั้นตอน มาดูกันว่าวิธีใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าต้องทำอย่างไร

    1. อ่านคำแนะนำ หรือคู่มือการใช้งาน แน่นอนว่าการอ่านคำแนะนำ หรือคู่มือในการใช้งานเป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายๆ คนมองข้าม อาจด้วยคู่มือมีเนื้อหาเยอะ ไม่น่าสนใจ แต่คู่มือมีความสำคัญที่ช่วยบอกวิธีใช้เครื่องปั่นไฟ หรือวิธีเปิดเครื่องปั่นไฟ รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ ในการใช้ได้เป็นอย่างดี
    2. วางเครื่องปั่นไฟในพื้นที่ที่เหมาะสม เครื่องปั่นไฟใช่ว่าจะวางไว้ที่ใดก็ได้ เพราะตัวเครื่องมีความร้อน และเสียงดังรบกวน จึงควรวางในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้น
    3. ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง ควรตรวจสอบว่าเครื่องเครื่องที่เพิ่งซื้อมานั้น มีน้ำมันหรือไม่ก่อนทำการเปิดใช้งาน เพราะอาจทำให้เครื่องเสียได้ รวมถึงต้องเติมน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม
    4. เติมน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าเครื่องปั่นไฟใช้น้ำมันชนิดใดก่อนเติม
    5. ตรวจสอบสวิตช์ หรือเบรกเกอร์ ตรวจสอบสวิตช์ และเบรกเกอร์ให้อยู่ตำแหน่ง ปิด ก่อนเสมอ เพื่อป้องกันไฟลัดวงจร
    6. เปิดวาล์วน้ำมัน เปิดวาล์วน้ำมันเพื่อให้น้ำมันไหลผ่านคาร์บูเรเตอร์ และไม่ควรเปิดทิ้งไว้ในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน
    7. ดึงโช้กน้ำมัน หากเป็นเครื่องใหม่อย่าลืมดึงโช้กน้ำมัน ไม่เช่นนั้นเครื่องอาจติดยาก หรือไม่ติดเลย
    8. เปิดสวิตช์สตาร์ต บางรุ่นที่ใช้กุญแจในการสตาร์ตเครื่องก็สามารถบิดกุญแจแล้วเปิดเครื่องได้ แต่หากเป็นแบบสตาร์ตธรรมดาก็ดึงสายตึงมือแล้วกระชาก แล้วปล่อยให้เครื่องอุ่นประมาณ 3-5 นาที
    9. เสียบปลั๊กเพื่อใช้งาน ก่อนเสียบปลั๊กกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้คำนวณกำลังวัตต์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียก่อน เพราะหากเกินกำลังของเครื่องปั่นไฟ อาจทำให้เครื่องปั่นไฟเกิดความเสียหาย และอายุการใช้งานต่ำลง
    10. ดับเครื่องหลังจากใช้งาน ก่อนทำการดับเครื่องให้ปิดสวิตช์ปล่อยไฟ้ฟ้า ถอดปลั๊ก และกดสวิตช์ดับเครื่อง
    11. ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ถ่ายน้ำมันเครื่องตอนเครื่องเย็นแล้วเท่านั้น เมื่อถ่ายเสร็จจึงปิดวาว์ลน้ำมัน
    12. ตรวจสอบสภาพเครื่องปั่นไฟ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพเครื่องปั่นไฟอยู่เสมอ ให้แน่ใจว่าเครื่องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีน็อต หรือสายไฟหลุด
วิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟ

วิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟ

นอกจากการเรียนรู้ว่าเครื่องปั่นไฟใช้ยังไงไปแล้ว ก็ต้องรู้จักวิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟด้วยเช่นกัน เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่บ่อยๆ โดยไม่จำเป็น ซึ่งวิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟ สามารถทำได้ดังนี้

    1. เช็กสภาพก่อนการใช้งาน ก่อนการใช้งานทุกครั้งควรตรวจสอบว่าน็อตต่างๆ แน่นหรือไม่ หรือมีส่วนใดที่ไม่สมบูรณ์หรือเปล่า
    2. ไม่ปล่อยไว้โดยไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ไม่ควรปล่อยเครื่องทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ใช้งาน ควรสตาร์ตเครื่องเพื่อไล่ความชื้น และชาร์จแบตเตอรี่เป็นประจำ
    3. หมั่นถ่ายน้ำมันเครื่อง หากมีการใช้งานบ่อยควรถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 2-3 เดือน หากใช้ไม่บ่อยสามารถถ่ายทุก 6 เดือน และไม่ควรเกินนี้ รวมถึงการถ่ายน้ำมันออกเมื่อคิดว่าจะไม่ได้ใช้เครื่องปั่นไฟเป็นระยะเวลานาน เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของน้ำมันที่ไปทำร้ายตัวเครื่องให้เกิดสนิมได้
    4. ดึงสายสตาร์ตให้ตึงมือก่อนกระชาก การดึงสายสตาร์ตให้ตึงก่อนกระชากเพื่อเปิดเครื่องจะช่วยให้กระเดื่องไม่เสื่อมสภาพเร็ว
    5. ทำความสะอาดเสมอ โรเตอร์ และสเตอริโอปันส่วนที่ทำงานอยู่ภายในเครื่องปั่นไฟ และมักจะเป็นที่สะสมของฝุ่น เพราะฉะนั้นจึงต้องหมั่นทำความสะอาดส่วนนี้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้ดี และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน
    6. จัดเก็บในพื้นที่ที่เหมาะสม ไม่ควรจัดเก็บเครื่องปั่นไฟในพื้นที่ด้านนอก ควรเก็บในพื้นที่แห้ง และเย็นเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ และเกิดสนิม
ประโยชน์ของเครื่องปั่นไฟฟ้า

ประโยชน์ของเครื่องปั่นไฟฟ้า

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือเครื่องปั่นไฟ มีประโยนช์ดังนี้

    1. ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าสำรอง ปัจจุบันไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน ตั้งแต่หน่วยเล็กๆ อย่างครัวเรือน ไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือไฟดับก็จะมีไฟฟ้าสำรองไว้ใช้ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงพยาบาลต่างๆ
    2. ให้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล บางพื้นที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ก็สามารถใช้เครื่องปั่นไฟพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์เพื่อเข้าไปอำนวยความสะดวกได้
    3. ป้องกันความเสียหายต่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรม หรือธุรกิจต่างๆ มักมีข้อมูลสำคัญที่ถูกเก็บไว้ หากเกิดไฟฟ้าดับขึ้นมา และไม่มีไฟสำรอง อาจทำให้ข้อมูลเหล่านี้สูญหาย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก

วิธีใช้เครื่องปั่นไฟนั้นไม่ยาก และควรทำอย่างถูกวิธีตามคู่มือ หรือคำแนะนำเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน และเครื่องปั่นไฟก็มีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่การใช้งานในอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่สามารถใช้งานตามบ้านเรือน หรือพกพาไปใช้ตามที่ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือจำเป็นได้