เครื่องปั่นไฟใช้ยังไง วิธีการใช้งานให้ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
เครื่องปั่นไฟ คือ เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อนำไปเป็นไฟสำรองในยามจำเป็น เช่น กรณีไฟดับ ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยปัจจุบันเครื่องปั่นไฟไม่ได้ใช้เพียงโรงงานอุตสาหกรรม หรือธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ในครัวเรือน หรือใช้นอกบ้านได้อีกด้วย บทความนี้ จึงมาแนะนำวิธีใช้เครื่องปั่นไฟว่าใช้ยังไงให้ถูกวิธี รวมถึงการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟอย่างไรให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
เครื่องปั่นไฟ คืออะไร?
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) หรือที่เราเรียกติดปากกันสั้นๆ ง่ายๆ ว่าเครื่องเป็นไฟ เป็นอุปกรณ์สำรองไฟฟ้า ทำงานโดยเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้จากการค้นพบของนักเคมี และฟิสิกส์ชาวอังกฤษอย่าง ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) เมื่อปี 1831 เขาได้นำลวดทองแดงมาพันกับวงแหวนเหล็ก และใช้ผ้าเป็นฉนวน จากนั้นต่อลวดกับเครื่องมือวัดกำลังกระแสไฟฟ้า (Galvonometer) เมื่อเขาขยับแม่เหล็กกลับไปกลับมา พบว่าเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น จึงทำให้หัวใจสำคัญของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในปัจจุบัน ได้มาจากการค้นพบของฟาราเดย์นั่นเอง
การใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเข้ามามีส่วนสำคัญในการผลิตไฟฟ้าสำรอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ไฟดับ ไฟฟ้าไม่เพียงพอ อุบัติเหตุ ภัยพิบัติต่างๆ รวมถึงในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า โดยเครื่องปั่นไฟแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ 1. ชนิดกระแสตรง (Dynamo) 2. ชนิดกระแสสลับ (Alternator) อีกทั้งยังสามารถแบ่งตามขนาด และการการใช้งานได้ 2 แบบ ดังนี้
-
- เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก-กลาง เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก-กลาง เป็นขนาดที่เหมาะกับการใช้งานในครัวเรือน ตามไซต์งานก่อสร้าง นำไปใช้ในการเชื่อมโลหะ แคมปิง หรืออุตสาหกรรมต่างๆ เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าเริ่มตั้งแต่ 1-20 กิโลโวลต์แอมป์ (kVA) สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก พกไปใช้นอกบ้านได้ ส่วนขนาดกลาง มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 20-2,500 กิโลโวลต์แอมป์ (kVA) เหมาะกับการใช้กับอุตสาหกรรมขนาดกลาง-ใหญ่ เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล โรงงาน เป็นต้น
ตัวอย่างเครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก-กลาง เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ (Portable generator) และ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าอินเวอร์เตอร์ (Inverter generator)
-
- เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้าสำรองได้ยาวนานหลายวัน มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 4,000 กิโลโวลต์แอมป์ (kVA) ขึ้นไป ด้วยความที่ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่จึงมักใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม อาคารสูง ธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างเช่น Standby generator ที่จะมีขนาดใหญ่ ราคาสูง เคลื่อนย้ายได้ยาก
เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่จำเป็นต้องติดตั้งบนพื้นคอนกรีต (Concrete pad) ที่ได้มาตรฐานเหมาะสมกับขนาดตัวเครื่อง สามารถรองรับน้ำหนัก และแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี รวมทั้งต้องคำนึงมีความปลอดภัย มีที่กั้นไม่ให้คนภายนอกเข้าถึงตัวเครื่องได้ และมีควรมีการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยลดเสียงรบกวน
ประเภทของเครื่องปั่นไฟ
ประเภทของเครื่องปั่นไฟสามารถแยกได้เป็นหลายรูปแบบที่เป็นที่นิยมแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อย่างในประเทศไทย และประเทศในแถบยุโรปก็มีการเลือกใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่แตกต่างกัน โดยมีดังนี้
เครื่องปั่นไฟเบนซิน
เครื่องปั่นไฟเบนซิน เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้เบนซินเป็นตัวขับเคลื่อน ถึงแม้เรียกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซินแต่ก็สามารถใช้เชื้อเพลิงอย่าง เอทานอล หรือแก๊สโซฮอล์ได้เช่นเดียวกัน เหมาะกับการใช้งานในครัวเรือน เพราะถูกออกแบบให้มีการใช้เชื้อเพลิงที่น้อยลง และเหมาะกับการใช้งานที่ไม่บ่อยนัก อาจใช้เดือนละไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละ 3-4 ชั่วโมง หากกำลังมองหาเครื่องปั่นไฟที่ใช้ในครัวเรือน เครื่องปั่นไฟของทาง Chuphotic ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งขนาด และการใช้งาน
- ข้อดี ขนาดเล็ก ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวกง่ายดาย ใช้งาน และดูแลรักษาง่าย
- ข้อเสีย หากไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ หรือปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้ใช้งาน จะสตาร์ตเครื่องติดได้ยาก
เครื่องปั่นไฟดีเซล
เครื่องปั่นไฟดีเซลใช้ดีเซลเป็นตัวขับเคลื่อน เหมาะกับการใช้งานที่หนัก และใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ออกแบบมาให้มีการเผาไหม้ที่ดี ใช้งานได้ยาวนาน และคงทนกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน Product ของทาง Chuphotic ที่ใช้ดีเซลเป็นตัวขับเคลื่อนมีให้เลือกจากหลากหลายซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็น Volvo, Perkins, Duetz และ Bauduoin
- ข้อดี มีราคาไม่แพง แต่ทนทาน ให้กระแสไฟสม่ำเสมอ และสามารถหาซื้ออะไหล่ได้ง่าย
- ข้อเสีย ขนาดใหญ่ เสียงดัง ไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย ดูแลรักษาค่อนข้างยาก
เครื่องปั่นไฟอินวอเตอร์
เครื่องปั่นไฟแบบอินเวอร์เตอร์ คือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่พัฒนามาจากเครื่องปั่นไฟแบบเบนซิน และดีเซล มีน้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย มีหลากหลายขนาด ทั้งยังผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ เครื่องปั่นไฟอินเวอร์เตอร์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ขนาด คือ ขนาดพกพา (ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2,000 วัตต์) ขนาดกลาง (ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2,500-4,500 วัตต์ ) และขนาดใหญ่ (ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 5,000 วัตต์ขึ้นไป)
- ข้อดี ขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย ไม่มีเสียงรบกวน ประหยัดเชื้อเพลิง
- ข้อเสีย ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าจำนวนมากได้ หากเทียบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดอื่น
เครื่องปั่นไฟแบตเตอรี่
เครื่องปั่นไฟแบตเตอรี่ ไม่ได้ใช้งานจากเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน แต่เป็นการใช้แบตเตอรี่แทน ทำให้ประหยัดมากขึ้น ได้กระแสไฟฟ้าที่บริสุทธิ์ ไม่นิยมใช้ในไทย แต่นิยมในประเทศฝั่งยุโรปมากกว่า
- ข้อดี ไม่ต้องสตาร์ต พกพาสะดวก
- ข้อเสีย ราคาสูง เวลาใช้งานที่จำกัด
เครื่องปั่นไฟพลังงานแสงอาทิตย์
เครื่องปั่นไฟพลังงานแสงอาทิตย์ คือ เครื่องปั่นไฟที่นำเอาพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ มีการใช้แผงโซลาร์เซลล์มาใช้เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟตรง (Direct Current) แบตเตอรี่จะทำการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ สำหรับการใช้งานนั้น เหมาะกับการนำไปแคมปิง หรือเป็นแหล่งพลังงานสำรอง
- ข้อดี ประหยัดเชื้อเพลิง เพราะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ พกพาสะดวก
- ข้อเสีย ราคาสูง ใช้งานได้จำกัด
วิธีใช้งานเครื่องปั่นไฟฟ้า
หลายคนอาจยังไม่เคยใช้งานเครื่องปั่นไฟ และไม่รู้ว่าวิธีการใช้เครื่องปั่นไฟต้องทำอย่างไร ซึ่งการใช้งานเครื่องปั่นไฟฟ้านั้นไม่ยาก เพียงแค่ทำตามขั้นตอน มาดูกันว่าวิธีใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าต้องทำอย่างไร
-
- อ่านคำแนะนำ หรือคู่มือการใช้งาน แน่นอนว่าการอ่านคำแนะนำ หรือคู่มือในการใช้งานเป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายๆ คนมองข้าม อาจด้วยคู่มือมีเนื้อหาเยอะ ไม่น่าสนใจ แต่คู่มือมีความสำคัญที่ช่วยบอกวิธีใช้เครื่องปั่นไฟ หรือวิธีเปิดเครื่องปั่นไฟ รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ ในการใช้ได้เป็นอย่างดี
- วางเครื่องปั่นไฟในพื้นที่ที่เหมาะสม เครื่องปั่นไฟใช่ว่าจะวางไว้ที่ใดก็ได้ เพราะตัวเครื่องมีความร้อน และเสียงดังรบกวน จึงควรวางในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้น
- ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง ควรตรวจสอบว่าเครื่องเครื่องที่เพิ่งซื้อมานั้น มีน้ำมันหรือไม่ก่อนทำการเปิดใช้งาน เพราะอาจทำให้เครื่องเสียได้ รวมถึงต้องเติมน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม
- เติมน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าเครื่องปั่นไฟใช้น้ำมันชนิดใดก่อนเติม
- ตรวจสอบสวิตช์ หรือเบรกเกอร์ ตรวจสอบสวิตช์ และเบรกเกอร์ให้อยู่ตำแหน่ง ปิด ก่อนเสมอ เพื่อป้องกันไฟลัดวงจร
- เปิดวาล์วน้ำมัน เปิดวาล์วน้ำมันเพื่อให้น้ำมันไหลผ่านคาร์บูเรเตอร์ และไม่ควรเปิดทิ้งไว้ในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน
- ดึงโช้กน้ำมัน หากเป็นเครื่องใหม่อย่าลืมดึงโช้กน้ำมัน ไม่เช่นนั้นเครื่องอาจติดยาก หรือไม่ติดเลย
- เปิดสวิตช์สตาร์ต บางรุ่นที่ใช้กุญแจในการสตาร์ตเครื่องก็สามารถบิดกุญแจแล้วเปิดเครื่องได้ แต่หากเป็นแบบสตาร์ตธรรมดาก็ดึงสายตึงมือแล้วกระชาก แล้วปล่อยให้เครื่องอุ่นประมาณ 3-5 นาที
- เสียบปลั๊กเพื่อใช้งาน ก่อนเสียบปลั๊กกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้คำนวณกำลังวัตต์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียก่อน เพราะหากเกินกำลังของเครื่องปั่นไฟ อาจทำให้เครื่องปั่นไฟเกิดความเสียหาย และอายุการใช้งานต่ำลง
- ดับเครื่องหลังจากใช้งาน ก่อนทำการดับเครื่องให้ปิดสวิตช์ปล่อยไฟ้ฟ้า ถอดปลั๊ก และกดสวิตช์ดับเครื่อง
- ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ถ่ายน้ำมันเครื่องตอนเครื่องเย็นแล้วเท่านั้น เมื่อถ่ายเสร็จจึงปิดวาว์ลน้ำมัน
- ตรวจสอบสภาพเครื่องปั่นไฟ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพเครื่องปั่นไฟอยู่เสมอ ให้แน่ใจว่าเครื่องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีน็อต หรือสายไฟหลุด
วิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟ
นอกจากการเรียนรู้ว่าเครื่องปั่นไฟใช้ยังไงไปแล้ว ก็ต้องรู้จักวิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟด้วยเช่นกัน เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่บ่อยๆ โดยไม่จำเป็น ซึ่งวิธีการบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟ สามารถทำได้ดังนี้
- เช็กสภาพก่อนการใช้งาน ก่อนการใช้งานทุกครั้งควรตรวจสอบว่าน็อตต่างๆ แน่นหรือไม่ หรือมีส่วนใดที่ไม่สมบูรณ์หรือเปล่า
- ไม่ปล่อยไว้โดยไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ไม่ควรปล่อยเครื่องทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ใช้งาน ควรสตาร์ตเครื่องเพื่อไล่ความชื้น และชาร์จแบตเตอรี่เป็นประจำ
- หมั่นถ่ายน้ำมันเครื่อง หากมีการใช้งานบ่อยควรถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 2-3 เดือน หากใช้ไม่บ่อยสามารถถ่ายทุก 6 เดือน และไม่ควรเกินนี้ รวมถึงการถ่ายน้ำมันออกเมื่อคิดว่าจะไม่ได้ใช้เครื่องปั่นไฟเป็นระยะเวลานาน เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของน้ำมันที่ไปทำร้ายตัวเครื่องให้เกิดสนิมได้
- ดึงสายสตาร์ตให้ตึงมือก่อนกระชาก การดึงสายสตาร์ตให้ตึงก่อนกระชากเพื่อเปิดเครื่องจะช่วยให้กระเดื่องไม่เสื่อมสภาพเร็ว
- ทำความสะอาดเสมอ โรเตอร์ และสเตอริโอปันส่วนที่ทำงานอยู่ภายในเครื่องปั่นไฟ และมักจะเป็นที่สะสมของฝุ่น เพราะฉะนั้นจึงต้องหมั่นทำความสะอาดส่วนนี้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้ดี และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน
- จัดเก็บในพื้นที่ที่เหมาะสม ไม่ควรจัดเก็บเครื่องปั่นไฟในพื้นที่ด้านนอก ควรเก็บในพื้นที่แห้ง และเย็นเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ และเกิดสนิม
ประโยชน์ของเครื่องปั่นไฟฟ้า
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือเครื่องปั่นไฟ มีประโยนช์ดังนี้
- ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าสำรอง ปัจจุบันไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน ตั้งแต่หน่วยเล็กๆ อย่างครัวเรือน ไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือไฟดับก็จะมีไฟฟ้าสำรองไว้ใช้ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงพยาบาลต่างๆ
- ให้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล บางพื้นที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ก็สามารถใช้เครื่องปั่นไฟพลังงานทดแทนแสงอาทิตย์เพื่อเข้าไปอำนวยความสะดวกได้
- ป้องกันความเสียหายต่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรม หรือธุรกิจต่างๆ มักมีข้อมูลสำคัญที่ถูกเก็บไว้ หากเกิดไฟฟ้าดับขึ้นมา และไม่มีไฟสำรอง อาจทำให้ข้อมูลเหล่านี้สูญหาย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก
วิธีใช้เครื่องปั่นไฟนั้นไม่ยาก และควรทำอย่างถูกวิธีตามคู่มือ หรือคำแนะนำเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน และเครื่องปั่นไฟก็มีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่การใช้งานในอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่สามารถใช้งานตามบ้านเรือน หรือพกพาไปใช้ตามที่ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือจำเป็นได้