การบำรุงรักษาเชิงป้องกันคืออะไร? สำคัญอย่างไรต่ออุปกรณ์ เครื่องจักร
Key Takeaway
|
การบำรุงรักษาเชิงป้องกันคืออะไร
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance หรือ PM) คือการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ตามแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในโรงงานอุตสาหกรรม โดยจะมีการตรวจสอบ ทำความสะอาด ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
การรักษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร แต่ยังช่วยลดปัญหาความขัดข้องระหว่างกระบวนการผลิตและรักษาคุณภาพของการผลิตให้อยู่ในระดับสูงสุด ซึ่งสามารถแยกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. การบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามเวลาที่กำหนด
แผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่ดำเนินการตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด เช่น การบำรุงรักษาทุกสิ้นปี รายไตรมาส รายเดือน หรือรายสัปดาห์ เป็นวิธีการที่มีความสำคัญที่ช่วยป้องกันการเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานต่อเนื่องโดยไม่ตรวจสอบ
ผู้ประกอบการและผู้จัดการโรงงานควรศึกษาคู่มือการบำรุงรักษาของอุปกรณ์เครื่องจักรจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถกำหนดตารางเวลาในการบำรุงรักษา (PM) ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
2. การบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามการใช้งาน
แนวทางการบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามปริมาณการใช้งานจริง เช่น ชั่วโมงการทำงานหรือการทำงานในสภาพแวดล้อมเฉพาะ เป็นการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามการใช้งานที่เกิดขึ้นจริง
เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ผ่านการใช้งานจะมีสภาพแตกต่างจากตอนที่ติดตั้งใหม่ สภาพของชิ้นส่วนต่างๆ จะช่วยบอกได้ว่าเมื่อไรที่ควรทำการบำรุงรักษา เพื่อป้องกันปัญหา หรือยืดอายุการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามแผน
วัตถุประสงค์ของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเชิงวางแผนคือการลดจำนวนงานที่ไม่จำเป็นออก และเหลือเฉพาะงานที่จำเป็นเท่านั้น โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่รวบรวมไว้ เพื่อนำมาพิจารณาก่อนที่จะกำหนดข้อกำหนดการซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่เหมาะสมที่สุด
การมีข้อมูลจำนวนมากในการวิเคราะห์และพิจารณา จะช่วยให้เจ้าของโรงงานสามารถใช้จ่ายในการลงทุนและบำรุงรักษาเชิงป้องกันได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
หลักการในการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
เพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานหรือสถานประกอบการ มีแนวทางและหลักการบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่สำคัญ ดังนี้
วางแผนสำหรับการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
การวางแผนสำหรับการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พนักงานในโรงงานสามารถทำงานได้อย่างมีระเบียบและชัดเจน โดยมุ่งเน้นให้พนักงานรู้หน้าที่ของตัวเองในการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างถูกต้อง
การเรียนรู้วิธีตรวจสอบสภาพเครื่องจักร การตรวจจับหาจุดชำรุด และการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการรวบรวมบันทึกข้อมูลเพื่อตรวจสอบสาเหตุของความชำรุดและวางแผนป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงานได้อย่างยั่งยืน
เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องจักรให้ถูกวิธี
เครื่องจักรแต่ละชนิดมีวิธีการใช้งานที่ต่างกัน จึงควรเรียนรู้วิธีการและเลือกใช้งานเครื่องจักรให้ถูกต้อง เช่น การตัด เจาะ หรือทำงานกับชิ้นงานต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญในการยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร เนื่องจากเครื่องจักรแต่ละชนิดมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน หากใช้งานไม่ถูกต้อง อาจทำให้เครื่องจักรเกิดความเสียหายได้
นอกจากนี้ การเลือกใช้เครื่องจักรที่เหมาะสมกับลักษณะงานและวัสดุ จะช่วยลดการสึกหรอก่อนเวลาอันควร อีกทั้งการปรับปรุงคุณสมบัติของชิ้นงานโลหะที่ใช้ในเครื่องจักร เช่น การอบชุบทางความร้อน การชุบฟอสเฟต การชุบไนไตรดิง หรือการเคลือบผิวแข็งแบบ PVD จะช่วยเพิ่มความทนทานและยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรวจสอบสภาพและคุณภาพของเครื่องจักร
ทุกครั้งก่อน-หลังการใช้งานเครื่องจักรในการตัด เจาะ หรือทำงานกับชิ้นงาน ควรตรวจเช็กสภาพเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องจักรพร้อมใช้งาน หากพบจุดชำรุดหรือสึกหรอ เช่น การสึกหรอของผิวชุบ PVD บน Tooling ควรซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนทันที เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการทำงานที่ไม่ดีหรือผิดพลาด
การเปลี่ยน Tooling ที่สึกหรอทันทีช่วยป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม และสามารถส่ง Tooling เก่าไปซ่อมและเคลือบ PVD ใหม่ เพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งช่วยยืดอายุเครื่องจักรและลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ได้
การบำรุงรักษาเชิงป้องกันเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้การทำงานในโรงงานและสถานที่ต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง การบำรุงรักษาเชิงป้องกันเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (PM Generator) จึงมีความจำเป็น เพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน
ทำความสะอาดหลังใช้งาน
วิธีทำความสะอาดเครื่องปั่นไฟสามารถใช้ผ้าแห้งเช็ดคราบสกปรกและฝุ่นได้ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อเป็นการบำรุงรักษาเชิงป้องกันสำหรับปัญหากระแสขัดข้องหรือลัดวงจรจากฝุ่น ไม่ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด เพราะอาจทำให้เครื่องเสียหาย แต่หากต้องการลดความร้อนหลังใช้งานหนัก ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดอย่างระมัดระวัง
ถ่ายน้ำมันเครื่องหลังใช้งานทุกครั้ง
หลังใช้งานเครื่องปั่นไฟทุกครั้ง ควรถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกและทำความสะอาดทันที เพื่อป้องกันคราบน้ำมันหรือเศษตะกอนที่อาจตกค้างสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป ควรถ่ายน้ำมันในห้องเครื่อง ตัวเครื่องยนต์ของเครื่องปั่นไฟ และน้ำมันหล่อลื่นของสายพาน หรือเปลี่ยนสายพานใหม่หากจำเป็น
เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนด
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเครื่องปั่นไฟคือการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เพื่อป้องกันการอุดตันในไส้กรอง ระบบห้องเครื่อง และเครื่องยนต์จากคราบน้ำมันเก่าหรือของเหลวเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจทำให้เครื่องเสียหายได้ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นทุก 250 ชั่วโมง หรือทุก 3 เดือน พร้อมดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานและให้เครื่องพร้อมใช้งานเสมอ
ตรวจสอบอะไหล่สำคัญ
การตรวจสอบท่อสายยาง เหล็กรัดท่อ และนอต ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน เพราะอะไหล่เหล่านี้มักเกิดปัญหาในการใช้งานเครื่องปั่นไฟ ควรตรวจสอบสภาพทั้งก่อนและหลังใช้งานอย่างสม่ำเสมอ หากพบการชำรุดแม้เพียงเล็กน้อย ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
โดยเฉพาะนอต ควรตรวจความแน่นหนาของเกลียวทุกจุด เนื่องจากมีโอกาสหลวมได้ง่าย หากต้องการเปลี่ยนอะไหล่ยกชุดเพื่อการบำรุงรักษาที่ดี แนะนำให้เปลี่ยนทุก 3 เดือน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องปั่นไฟ
เปลี่ยนไส้กรองเชื้อเพลิงและอากาศตามกำหนด
ไส้กรองอากาศและไส้กรองเชื้อเพลิง เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เครื่องปั่นไฟทำงานได้ราบรื่นและเต็มประสิทธิภาพ การใช้ไส้กรองใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้
- ไส้กรองเชื้อเพลิง ควรตรวจสอบให้ไม่มีคราบตะกอนจากน้ำมันหล่อลื่นติดอยู่
- ไส้กรองอากาศ ควรระวังไม่ให้มีเศษฝุ่นอุดตัน
แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองทั้งสองทุกๆ 500 ชั่วโมง หรือประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับความถี่ของการใช้งาน เพื่อเป็นการบำรุงรักษาเชิงป้องกันให้เครื่องปั่นไฟพร้อมใช้งานและยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
ตรวจสอบระบบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
การตรวจสอบระบบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เป็นขั้นตอนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยควรให้ความสำคัญกับระบบ ดังนี้
- ระบบระบายความร้อน แนะนำให้ตรวจเช็กทุกสัปดาห์ โดยดูระดับของเหลวเย็นใน Heat Exchanger และทำความสะอาดอะไหล่ เช่น รังผึ้ง พัดลม ท่อลม และข้อต่อด้วยผ้าแห้ง เพื่อป้องกันฝุ่นสะสม
- ระบบแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า คือ PM Generator ที่แนะนำให้ตรวจเช็กทุกเดือนอย่างเคร่งครัด โดยทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ตรวจนอตให้แน่น และวัดอัตราประจุแบตเตอรี่กับระดับ Electrolyte หากพบความเสียหายหรือประจุไม่คงที่ ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทันที
ประโยชน์ของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
การบำรุงรักษาเชิงป้องกันควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ดังนี้
อายุการใช้งานของอุปกรณ์ เครื่องจักรยาวนานขึ้น
การบำรุงรักษาเชิงป้องกันช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้โดยการดูแลรักษาชิ้นส่วนและสภาพเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง
การตรวจสอบและเช็กสภาพเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ หากพบจุดที่มีความเสียหายหรือชำรุด สามารถดำเนินการซ่อมแซมหรือแก้ไขได้ทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลให้เครื่องจักรเสียหายหนักในอนาคต
การผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
แผนการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ในระยะยาวช่วยรักษาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตในโรงงานให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง และยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น เพราะการดูแลรักษาเครื่องจักรอย่างเหมาะสมและการตรวจสอบสภาพการทำงานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการหยุดชะงักในการผลิต
ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว
การบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่จากการเสียหายของอุปกรณ์ภายในที่สามารถซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาได้ รวมถึงช่วยลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุงและค่าเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นในระยะยาว
นอกจากนี้ การบำรุงรักษาเครื่องจักรตามกำหนดเวลายังช่วยลดต้นทุนในการซ่อมแซมใหญ่ได้อีกด้วย เพราะหากใช้งานเครื่องจักรจนถึงอายุการใช้งานโดยไม่ซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลา จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า และใช้เวลานานกว่าการบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามกำหนดเวลา
สรุป
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) คือการดูแลรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาหรือการชำรุดล่วงหน้า โดยการตรวจสอบและบำรุงรักษาในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อลดการเสียหายและยืดอายุการใช้งาน
หลักการในการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน คือวางแผนสำหรับการบำรุงเชิงป้องกัน เรียนรู้การใช้เครื่องจักร และการตรวจสอบเครื่องจักรตามระยะเวลาที่กำหนด โดยควรเน้นไปที่การบำรุงรักษาเชิงป้องกันให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อลดการเสียหาย เพิ่มอายุการใช้งาน และรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้ดีอยู่เสมอ
เลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของ Chuphotic ที่มีคุณภาพสูงและทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน โดยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ