fbpx

เสียบปลั๊กแล้วไฟดับเกิดจากอะไร? หาสาเหตุ วิธีแก้ และแนวทางป้องกัน

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • เสียบปลั๊กแล้วไฟดับเกิดจากอะไร? หาสาเหตุ วิธีแก้ และแนวทางป้องกัน
เสียบปลั๊กแล้วไฟดับเกิดจากอะไร? หาสาเหตุ วิธีแก้ และแนวทางป้องกัน

เสียบปลั๊กแล้วไฟดับเกิดจากอะไร? หาสาเหตุ วิธีแก้ และแนวทางป้องกัน

Key Takeaway

  • เสียบปลั๊กแล้วไฟดับเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าเกินกำลังวงจร ปลั๊กหรือสายไฟชำรุด หรือเบรกเกอร์ทำงานเพื่อตัดวงจรป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและความเสียหาย
  • วิธีรับมือเมื่อเสียบปลั๊กแล้วไฟดับคือควรถอดอุปกรณ์ทั้งหมดออกก่อน ตรวจสอบสายไฟและปลั๊ก หากยังเกิดซ้ำให้รีบเรียกช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบเพื่อแก้ไขวงจรอย่างปลอดภัย
  • ไม่อยากเสียบปลั๊กแล้วไฟดับควรหลีกเลี่ยงการใช้ปลั๊กเกินจำนวนที่วงจรรับได้ ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ และติดตั้งเบรกเกอร์หรือปลั๊กพ่วงที่มีระบบป้องกันไฟเกิน
  • เครื่องมือป้องกันเมื่อเกิดไฟช็อตและไฟดับได้นั้น สามารถใช้ UPS เครื่องสำรองไฟฟ้า Stabilizer และปลั๊กพ่วงกันไฟกระชาก เพื่อสำรองไฟ ป้องกันไฟตก ไฟเกิน และไฟกระชาก ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปลอดภัยต่อเนื่อง

ปัญหาเสียบปลั๊กแล้วไฟดับเป็นเรื่องที่หลายบ้านมักเจอ แต่สาเหตุของมันอาจซับซ้อน ตั้งแต่สายไฟหรืออุปกรณ์ชำรุด เบรกเกอร์ทำงานผิดปกติ ไปจนถึงการใช้ไฟเกินโหลด บทความนี้จะพาไปหาสาเหตุ วิธีแก้ไข และแนวทางป้องกันอย่างปลอดภัย ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้า

เสียบปลั๊กแล้วไฟดับ เกิดจากอะไร?

เสียบปลั๊กแล้วไฟดับ เกิดจากอะไร?

เวลาเสียบปลั๊กแล้วไฟดับ อาจทำให้หลายคนตกใจและไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ปัญหานี้สามารถมาจากหลายสาเหตุ หากตรวจสอบตามลำดับจะช่วยหาสาเหตุได้ง่ายขึ้น สาเหตุที่พบบ่อยมีดังนี้

ปลั๊กหรือสายไฟมีปัญหา

ปลั๊กไฟและสายไฟเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งพลังงาน หากมีการชำรุด เช่น สายไฟเปื่อย แตก หุ้มฉนวนละลาย หรือหัวปลั๊กหักหลวม อาจทำให้เกิดการลัดวงจรทันทีเมื่อเสียบใช้งาน นอกจากนี้ การใช้ปลั๊กพ่วงราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็เสี่ยงต่อการเกิดความร้อนสะสมและไฟช็อตจนทำให้ไฟดับได้เช่นกัน

เบรกเกอร์ตัดวงจร

เบรกเกอร์ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันบ้านจากอันตรายของไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าลัดวงจรหรือการใช้ไฟเกินกำลัง เมื่อเสียบปลั๊กแล้วไฟดับทันที อาจเป็นเพราะเบรกเกอร์ตัดไฟเพื่อหยุดการทำงานที่ผิดปกติ ปัญหานี้มักพบเมื่อมีการเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงเกินไป หรือมีไฟรั่วในวงจร ซึ่งถ้าไม่ตัดไฟทันทีอาจเกิดความเสียหายร้ายแรงถึงขั้นไฟไหม้ได้

เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย

บางครั้งสาเหตุเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่อเข้าปลั๊กเอง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่มีวงจรเสื่อมสภาพ ปลั๊กพ่วงคุณภาพต่ำที่ไม่รองรับกำลังไฟ หรืออุปกรณ์ที่มีไฟรั่ว เช่น หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ เครื่องซักผ้า ที่มีสายดินไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ไฟฟ้าลัดวงจรเมื่อเสียบใช้งาน อาการเหล่านี้มักจะทำให้ไฟดับเฉพาะเวลาที่เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ

ปัญหาระบบไฟฟ้าในบ้าน

หากตรวจสอบปลั๊ก สายไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วไม่พบปัญหา อาจเกิดจากระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น สายไฟเก่าที่เสื่อมสภาพจนไม่สามารถทนกระแสไฟได้ การเดินสายไฟผิดมาตรฐาน เช่น ใช้สายเล็กเกินไปกับเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังสูง จุดเชื่อมต่อสายไฟหลวม ทำให้เกิดความร้อนและกระแสไฟไม่เสถียร หรือโหลดไฟในบ้านเกินกำลังที่ระบบรองรับ ทำให้ไฟตกหรือดับได้

เสียบปลั๊กแล้วไฟดับ อันตรายไหม

การเสียบปลั๊กแล้วไฟดับถือว่าเป็นสัญญาณผิดปกติของระบบไฟฟ้า ซึ่งมีความอันตรายอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการบ่งบอกว่ามีการใช้ไฟเกินกำลัง ไฟรั่ว หรือไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขอาจนำไปสู่เหตุร้ายแรงได้ เช่น

  • ไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดไฟไหม้ ความร้อนจากกระแสไฟที่ผิดปกติสามารถจุดประกายไฟได้ โดยเฉพาะเมื่อสายไฟหรือปลั๊กไม่ได้มาตรฐาน
  • อันตรายจากไฟดูด หากเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสายไฟมีไฟรั่ว ผู้ใช้งานอาจสัมผัสโดนไฟฟ้าโดยไม่รู้ตัว เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
  • ความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า การดับกะทันหันหรือกระแสไฟไม่เสถียรอาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายได้ง่าย
  • โหลดไฟฟ้าเกินระบบ หากยังเสียบใช้งานต่อไป อาจทำให้สายไฟหรือเบรกเกอร์ชำรุดจนต้องซ่อมแซมระบบไฟฟ้าใหญ่ทั้งบ้าน

ดังนั้น การเสียบปลั๊กแล้วไฟดับไม่ควรมองข้าม ควรตรวจสอบหาสาเหตุทันที หากไม่มั่นใจหรือไม่มีความรู้ด้านไฟฟ้า ควรเรียกช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญมาช่วยตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย

 
รับมืออย่างไร? เมื่อเสียบปลั๊กแล้วไฟดับ

รับมืออย่างไร? เมื่อเสียบปลั๊กแล้วไฟดับ

เมื่อเกิดเหตุการณ์เสียบปลั๊กแล้วไฟดับ หลายคนอาจตกใจและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร การรับมืออย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายได้ ดังนี้

  • ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสไฟที่ผิดปกติส่งผลต่ออุปกรณ์อื่นๆ และลดความเสี่ยงที่ไฟฟ้าจะลัดวงจรหรือทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย
  • เตรียมอุปกรณ์ให้แสงสว่าง หากไฟดับตอนกลางคืน ควรใช้ไฟฉายหรือโคมไฟสำรองแทนการใช้เทียน เพราะเปลวไฟอาจทำให้เกิดไฟไหม้ตามมาได้
  • เช็กเพื่อนบ้าน ตรวจสอบไฟดับเฉพาะบ้านเราหรือทั้งละแวก หากไฟดับทั้งพื้นที่อาจเป็นปัญหาจากการไฟฟ้า แต่ถ้าดับแค่บ้านเราอาจเกี่ยวกับระบบไฟภายในบ้านโดยตรง
  • ติดต่อช่างไฟ หากตรวจสอบแล้วไม่พบสาเหตุที่แก้ไขได้เอง ควรติดต่อช่างไฟที่มีความชำนาญเพื่อเข้ามาตรวจสอบและซ่อมแซมอย่างปลอดภัย ไม่ควรแก้ไขเองหากไม่มีความรู้ด้านไฟฟ้า เพราะเสี่ยงต่ออันตรายได้

วิธีตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น

 เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้นได้หากเกิดเหตุการณ์เสียบปลั๊กแล้วไฟดับ เพื่อหาสาเหตุและลดความเสียหาย ดังนี้

  • ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและปลั๊ก เริ่มจากถอดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่งเสียบออก แล้วลองเสียบอุปกรณ์อื่นที่มั่นใจว่าใช้งานได้ปกติ หากยังทำให้ไฟดับอยู่ แสดงว่าอาจไม่ใช่เพราะตัวอุปกรณ์ แต่หากไฟไม่ดับเมื่อใช้อุปกรณ์อื่น แสดงว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นแรกอาจชำรุดหรือมีไฟรั่ว
  • ตรวจสอบเบรกเกอร์ หากไฟดับเฉพาะในบ้าน ให้ไปดูตู้ไฟฟ้าว่าเบรกเกอร์ทำงานตัดวงจรหรือไม่ ถ้าเบรกเกอร์อยู่ในตำแหน่ง “ตัด” ให้ลองสับกลับมาที่ “เปิด” แต่ถ้ายังตัดอยู่ซ้ำๆ แสดงว่ามีปัญหาที่วงจรหรืออุปกรณ์ ควรหยุดใช้งานและหาช่างไฟมาตรวจสอบ
  • ตรวจสอบปลั๊กและวงจรไฟฟ้า สังเกตว่าปลั๊กมีรอยไหม้ กลิ่นไหม้ สายไฟร้อน หรือชำรุดหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้งานทันที เพราะอาจทำให้เกิดการลัดวงจรได้ และถ้าไฟดับเฉพาะจุดหรือเฉพาะห้อง แสดงว่าอาจมีปัญหาที่วงจรย่อยของบ้าน ซึ่งควรให้ช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม
ไม่อยากเสียบปลั๊กแล้วไฟดับ ต้องป้องกันได้อย่างไร?

ไม่อยากเสียบปลั๊กแล้วไฟดับ ต้องป้องกันได้อย่างไร?

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเสียบปลั๊กแล้วไฟดับ แนวทางที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้

  • เลือกปลั๊กและสายไฟคุณภาพดี ใช้ปลั๊กและสายไฟที่ได้มาตรฐาน ทนความร้อน และตัวนำไฟฟ้าคุณภาพดี เพื่อลดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้
  • เลี่ยงใช้ปลั๊กไฟที่เสื่อมสภาพ ไม่ควรใช้ปลั๊กที่แตก หลวม หรือมีรอยไหม้ เพราะอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรและไฟดับบ่อย
  • ต่อปลั๊กพ่วงให้ถูกวิธี ไม่เสียบอุปกรณ์หลายชิ้นเกินกำลังของปลั๊กพ่วง เลือกปลั๊กพ่วงที่มีสวิตช์และฟิวส์ในตัวเพื่อความปลอดภัย
  • เลือกปลั๊กที่มีสวิตช์แต่ละรู ปลั๊กที่ปิด-เปิดแต่ละช่องได้ช่วยลดความร้อนสะสม และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า
  • ไม่ใช้ไฟเกินกำลัง ตรวจสอบกำลังไฟของเครื่องใช้แต่ละชิ้นให้เหมาะสมกับสายไฟและปลั๊ก เพื่อป้องกันไฟดับหรือเบรกเกอร์ตัด
  • ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นประจำ เช็กสายไฟ ปลั๊ก และเบรกเกอร์ หากพบชำรุดควรซ่อมทันที เพื่อป้องกันไฟดับและอัคคีภัย

ปัญหาที่ตามมาเมื่อเสียบปลั๊กแล้วไฟดับทั้งบ้าน

เมื่อเสียบปลั๊กแล้วไฟดับทั้งบ้าน มักก่อให้เกิด ปัญหาตามมาในหลายด้าน ดังนี้

  • ความไม่สะดวกในชีวิตประจำวัน เช่น ทำอาหาร ใช้คอมพิวเตอร์ หรือดูทีวี ต้องหยุดชะงัก อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องใช้ไฟต่อเนื่อง เช่น Wi-Fi ตู้เย็น หรือเครื่องกรองน้ำ อาจทำงานไม่ได้ ทำให้เกิดความลำบากและเสียเวลา
  • ความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ไฟดับกะทันหันหรือกระแสไฟไม่เสถียรทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายได้ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี เครื่องซักผ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เก่าและไวต่อแรงดันไฟฟ้า การเสียหายเหล่านี้อาจต้องซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ ซึ่งเกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ปัญหาด้านความปลอดภัย ไฟดับอาจทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น การเดินในที่มืดทำให้หกล้ม ใช้เทียนแทนไฟฉายเสี่ยงไฟไหม้ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีปัญหาอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ทันที
  • ผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า หากเกิดปัญหาภายในระบบไฟฟ้าของบ้าน เช่น สายไฟเก่าหรือเบรกเกอร์เสื่อม การใช้ไฟผิดพิกัดอาจทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งบ้านไม่เสถียร ทำให้ไฟดับซ้ำบ่อย และเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของวงจรไฟฟ้า
  • ความเครียดและความกังวล การไฟดับโดยไม่คาดคิดสร้างความวิตกกังวล โดยเฉพาะหากเกิดซ้ำบ่อยหรือเกิดในช่วงที่ต้องทำงานหรือใช้อุปกรณ์สำคัญ นอกจากนี้ยังทำให้ผู้พักอาศัยรู้สึกไม่ปลอดภัยและกังวลเรื่องความเสียหายของอุปกรณ์
เครื่องมือป้องกันเมื่อเกิดไฟช็อตและไฟดับ

เครื่องมือป้องกันเมื่อเกิดไฟช็อตและไฟดับ

เมื่อเกิดไฟช็อตหรือไฟดับ การมีเครื่องมือป้องกันและตรวจสอบจะช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังนี้

  1. เบรกเกอร์ ทำหน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อเกิดไฟฟ้าเกินกำลังหรือไฟลัดวงจร ช่วยป้องกันสายไฟไหม้และลดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า
  2. ปลั๊กไฟพร้อมระบบตัดไฟอัตโนมัติ ปลั๊กบางรุ่นมีระบบตัดไฟเมื่อเกิดไฟรั่วหรือเกินกำลัง ทำให้ไฟฟ้าถูกตัดทันที ลดความเสี่ยงไฟช็อตและไฟไหม้
  3. เครื่องสำรองไฟ UPS (Uninterruptible Power Supply) ช่วยสำรองไฟชั่วคราวเมื่อไฟดับทันที ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์การแพทย์ ปิดการใช้งานอย่างปลอดภัยโดยไม่เสียหาย
  4. เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า (Stabilizer) ช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับคงที่แม้ไฟฟ้าจะตกหรือเกิน ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและลดความเสียหายจากไฟตก ไฟเกิน หรือไฟกระชาก
  5. Earth Leakage Circuit Breaker (ELCB /Residual Current Device (RCD) ตรวจจับกระแสไฟรั่วลงดิน และตัดวงจรทันที ช่วยป้องกันไฟช็อตต่อผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
  6. ปลั๊กกันไฟฟ้าลัดวงจร (Fuse) ฟิวส์เป็นอุปกรณ์ตัดไฟเมื่อกระแสเกินกำหนด ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้สายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายจากไฟเกินหรือไฟลัดวงจร
  7. เครื่องวัดไฟฟ้าและอุปกรณ์ตรวจสอบ (Multimeter/Voltage Tester) ช่วยตรวจสอบแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และการต่อสายไฟผิดพลาด ทำให้สามารถป้องกันไฟช็อตและตรวจสอบความปลอดภัยก่อนใช้งาน

สรุป

การเสียบปลั๊กแล้วไฟดับอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปลั๊กหรือสายไฟชำรุด เครื่องใช้ไฟฟ้ามีปัญหา ไปจนถึงเบรกเกอร์ตัดวงจร การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบวงจรอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเลือกใช้ปลั๊กและสายไฟคุณภาพดี จะช่วยลดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจรและไฟดับกะทันหัน 

สำหรับบ้านที่ต้องการความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน แนะนำเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจาก Chuphotic ที่มีปลั๊กและอุปกรณ์ไฟฟ้าคุณภาพ และ UPS เครื่องสำรองไฟ ที่มีระบบ AVR เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า (Stabilizer) พร้อมบริการตรวจสอบและแนะนำการใช้งานอย่างปลอดภัย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าบ้านจะปลอดภัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

FAQ — คำถามที่พบบ่อย

 เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์เสียบปลั๊กแล้วไฟดับมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบ ดังนี้

 
 
 
 

ปลั๊กไฟไหม้ สัญญาณแบบไหนบอกว่าต้องเปลี่ยน?

สัญญาณที่บ่งบอกว่าปลั๊กไฟควรเปลี่ยน ได้แก่ ปลั๊กร้อนผิดปกติ มีรอยไหม้ หรือมีกลิ่นเหม็นไหม้ ควรหยุดใช้งานทันที

ใช้ปลั๊กหลายตัวพร้อมกันทำให้ไฟดับได้ไหม?

เป็นไปได้ การเสียบอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันเกินขีดจำกัดของวงจรไฟฟ้าจะทำให้เบรกเกอร์ตัดวงจรเพื่อป้องกันความเสียหาย

 

เครื่องมือป้องกันเมื่อเกิดไฟช็อตและไฟดับ จาก Chuphotic มีอะไรบ้าง?

มีเครื่องสำรองไฟ (UPS) เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า (Stabilizer) อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก เป็นต้น

เบรกเกอร์ตัดวงจรทุกครั้งเมื่อเสียบปลั๊ก แก้อย่างไร?

ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ได้เกินขนาดวงจร และหากยังเกิดซ้ำควรเรียกช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบเพื่อแก้ไขวงจรหรือเปลี่ยนเบรกเกอร์