fbpx

ไฟฟ้าสถิตคือ? โดนตัวกันแล้วไฟช็อตเกิดขึ้นจากอะไร เป็นอันตรายไหม

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • ไฟฟ้าสถิตคือ? โดนตัวกันแล้วไฟช็อตเกิดขึ้นจากอะไร เป็นอันตรายไหม
ไฟฟ้าสถิตคือการสะสมของประจุไฟฟ้าบนพื้นผิวของวัตถุ เมื่อวัตถุสองชิ้นสัมผัสกันจะเกิดการถ่ายเทอิเล็กตรอน ทำให้รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต ซึ่งมักเกิดเหตุการณ์นี้เมื่ออากาศแห้ง

ไฟฟ้าสถิตคือ? โดนตัวกันแล้วไฟช็อตเกิดขึ้นจากอะไร เป็นอันตรายไหม

Key Takeaway
  • ไฟฟ้าสถิตคือการสะสมของประจุไฟฟ้าบนพื้นผิวของวัตถุ ซึ่งเกิดจากการเสียดสีระหว่างวัตถุต่างๆ ส่วนไฟดูดเกิดจากการไหลของกระแสไฟฟ้าผ่านร่างกาย ที่มีการเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานไฟฟ้า
  • ไฟฟ้าสถิตสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายสถานการณ์ เช่น วัตถุถูกัน การสัมผัสกับวัตถุนำไฟฟ้า อากาศหนาว และการทำงานของเครื่องจักร
  • ไฟฟ้าสถิตโดยทั่วไปไม่อันตรายมากนัก แต่หากเกิดในระดับสูง หรือใกล้กับอุปกรณ์ที่ไวต่อไฟฟ้า เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
  • การป้องกันไฟฟ้าสถิต สามารถทำได้โดยเปิดเครื่องทำความชื้น ใส่ผ้าฝ้าย เลี่ยงใส่รองเท้ายาง เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว หรือเมื่อจะอบผ้า ให้ใส่แผ่นอบผ้าในเครื่องอบผ้าด้วย รวมถึงเมื่อให้แตะวัตถุโลหะบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุล
ไฟฟ้าสถิตนั้นคือการสะสมของประจุไฟฟ้าบนผิววัตถุ เมื่อวัตถุสองชิ้นสัมผัสกัน จะเกิดการถ่ายเทอิเล็กตรอน ทำให้รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต ซึ่งมักเกิดจากอากาศแห้ง ไปดูว่า ไฟฟ้าสถิตเกิดจากอะไร แล้วไฟฟ้าสถิตที่ทำให้รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเมื่อจับลูกบิดประตูเกิดขึ้นได้อย่างไร การโดนไฟฟ้าสถิตเป็นอันตรายไหม มาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไฟฟ้าสถิต และวิธีป้องกันกันได้เลยในบทความนี้!  
ไฟฟ้าสถิตคือปรากฏการณ์อะไร

ไฟฟ้าสถิตคือปรากฏการณ์อะไร

ไฟฟ้าสถิต (Static Electricity) คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างประจุไฟฟ้าขั้วบวก และขั้วลบในวัตถุ ซึ่งประจุเหล่านี้จะสะสมอยู่จนกว่าจะมีการเคลื่อนที่ หรือการถ่ายเทประจุ (Electrostatic Discharge) เช่น เมื่อสัมผัสกับวัตถุที่มีประจุแตกต่างกัน ซึ่งการถ่ายเทแบบนี้ อาจทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนไฟช็อตได้นั่นเอง

ไฟฟ้าสถิตต่างกันอย่างไรกับไฟดูด

ไฟฟ้าสถิตแตกต่างจากไฟดูด โดยไฟฟ้าสถิตเป็นประจุไฟฟ้าที่สะสมบนพื้นผิวของวัตถุ เมื่อเราสัมผัสวัตถุที่มีความต่างศักย์ไฟฟ้าต่างกัน จะเกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว และเป็นระยะเวลาสั้นๆ ส่วนไฟดูด เกิดจากการไหลของประจุไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการปิด หรือตัดไฟ ซึ่งส่งผลให้มีความเสี่ยงอันตรายที่สูงกว่าไฟฟ้าสถิต

ไฟฟ้าสถิตมักเกิดขึ้นเมื่อไรบ้าง

ไฟฟ้าสถิตมักเกิดขึ้นเมื่อไรบ้าง

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต และช่วยหลีกเลี่ยงไฟฟ้าสถิตได้มากขึ้น จากตัวอย่างเหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้น ดังนี้

การถูกันของวัตถุ

การเสียดสีกันระหว่างวัตถุ โดยเฉพาะวัตถุที่เป็นฉนวน เช่น ลูกโป่งกับเส้นผม หรือรองเท้าหนังกับพรม จะทำให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างประจุบวก และประจุลบในวัตถุแต่ละชิ้น

การสัมผัสกันกับวัตถุนำไฟฟ้า

การสัมผัสกับวัตถุนำไฟฟ้า เช่น โลหะ หรือสายไฟ อาจทำให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้าจากวัตถุนั้นไปยังร่างกายของเรา ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้ ซึ่งอาจรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตได้

ฤดูหนาวและอากาศหนาวที่อากาศแห้ง

ฤดูหนาว หรือช่วงที่มีอากาศหนาว อากาศจะแห้ง และมีความชื้นต่ำ ซึ่งทำให้การสะสม และถ่ายเทประจุไฟฟ้าง่ายขึ้น เมื่อสัมผัสกับวัตถุตัวนำ เช่น โลหะ จะทำให้เกิดการถ่ายเทประจุไปยังตัวนำอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเบาๆ หรือเกิดไฟฟ้าสถิตได้ง่ายขึ้น

การทำงานของเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม

การทำงานของเครื่องจักรในโรงงาน เช่น การลอกเทป และการเคลื่อนที่บริเวณสายพานลำเลียง มักเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าสถิต เนื่องจากวัตถุในกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ กระดาษ โรงสีข้าว และน้ำมันเชื้อเพลิง มีคุณสมบัติเป็นฉนวนที่สามารถสะสมประจุไฟฟ้าได้

ระบบป้องกันไฟกระชาก หรือการเพิ่มลดแรงดันกะทันหัน เป็นคุณสมบัติที่ต้องมีใน UPS สำหรับ PS5 ทุกรุ่น เพื่อช่วยป้องกันคอนโซลจากไฟกระชากที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างไฟดับ ฟ้าผ่า หรือไฟฟ้ารบกวนอื่นๆ 

ไฟฟ้าสถิตเป็นอันตรายได้ไหม

ไฟฟ้าสถิตเป็นอันตรายได้ไหม

ไฟฟ้าสถิตก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ตั้งแต่การช็อตเล็กน้อยที่ไม่เป็นอันตราย ไปจนถึงอันตรายรุนแรง ที่อาจเกิดจากกระแสไฟฟ้าสูง โดยในระดับต่ำ ที่ไม่อันตราย เช่น การโดนตัวกันแล้วไฟช็อต หรือการรู้สึกถูกช็อตเมื่อจับประตูทั่วไป แต่ในระดับสูงจากเครื่องจักรในโรงงาน อาจเสี่ยงเกิดไฟไหม้ หรือการระเบิด และยังทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหายได้

วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดไฟฟ้าสถิต ทำได้อย่างไร

เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดไฟฟ้าสถิต เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และปัจจัยต่างๆ ได้ ดังนี้

เปิดเครื่องทำความชื้น

ไฟฟ้าสถิตมักเกิดในพื้นที่ที่มีความชื้นต่ำอย่างห้องแอร์ วิธีแก้ไฟฟ้าสถิตในห้องแอร์ จึงควรใช้เครื่องเพิ่มความชื้น หรือเปิดหน้าต่าง เพื่อให้มีอากาศไหลเวียน ช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ จึงช่วยลดการสะสมของประจุไฟฟ้าได้

เลือกใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย

วิธีแก้ไฟฟ้าสถิตบนที่นอน สามารถทำได้โดยเลือกใส่ผ้าฝ้าย ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิตได้ดี เพราะเมื่อเกิดการเสียดสีจะทำให้ไม่รบกวนประจุในร่างกาย ต่างจากผ้าขนสัตว์ และผ้าใยสังเคราะห์อย่างไนลอน และโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเมื่อเสียดสี จะสร้างประจุไฟฟ้า ทำให้เกิดความไม่สมดุล ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าสถิตที่พร้อมจะช็อตเมื่อสัมผัสกับพื้นผิวอื่นๆ

หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้ายาง

หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าพื้นยางเมื่อต้องเดินบนพรมที่ทำจากไนลอน หรือขนสัตว์ เพราะจะทำให้เกิดการสะสมประจุไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ในทางกลับกัน หากเลือกสวมรองเท้าหนัง จะช่วยลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าสถิต เนื่องจากหนังมีรูพรุนเล็กๆ ที่ไม่ทำให้เกิดการสะสมประจุเมื่อมีการเสียดสี

เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

เมื่ออยู่ในห้องนอนแล้วเจอไฟฟ้าสถิต วิธีแก้คือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิต โดยเฉพาะการใช้มอยเจอไรเซอร์ ที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น จะช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นในผิวหนัง ทำให้ผิวไม่แห้ง หรือแตก ที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดไฟฟ้าสถิตได้

นำแผ่นอบผ้าใส่เครื่องอบผ้า

นำแผ่นอบผ้าใส่เครื่องอบผ้า

การใช้แผ่นอบผ้า (Dryer Sheet) ใส่เครื่องอบผ้า จะช่วยให้ผ้าหอม และไม่แห้งกรอบ นอกจากนี้ แผ่นอบผ้ายังทำให้ประจุไฟฟ้าในเสื้อผ้าสมดุล ลดการเกิดไฟฟ้าสถิตขณะสวมใส่ นอกจากนี้ การใช้แผ่นอบผ้าถูเบาะรถ และพื้นผิวต่างๆ ก็เป็นการช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิตอีกทางหนึ่งด้วย

แตะวัตถุที่เป็นโลหะบ่อยๆ

สัมผัสวัตถุที่เป็นโลหะบ่อยๆ จะช่วยให้เราสามารถถ่ายโอนประจุไฟฟ้าไปยังโลหะเหล่านั้นได้ เมื่อประจุในร่างกายของเราถูกปรับสมดุลแล้ว การสัมผัสพื้นผิวต่างๆ จะไม่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตอีกต่อไป

สรุป

ไฟฟ้าสถิต คือการสะสมของประจุไฟฟ้าบนพื้นผิวของวัตถุ โดยมักเกิดขึ้นเมื่อมีการเสียดสีระหว่างวัตถุต่างๆ เช่น การถูเสื้อผ้า หรือเดินบนพรม ทำให้เกิดการโอนย้ายประจุไฟฟ้า อาจเกิดการช็อตเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับประตูโลหะหลังจากเดินบนพรม หากเกิดไฟฟ้าสถิตในระดับที่รุนแรง อาจทำให้เกิดอันตรายได้ แต่สามารถป้องกันได้โดยการใช้วัตถุที่เหมาะสม เช่น ผ้าฝ้าย และหลีกเลี่ยงการใช้รองเท้าพื้นยางบนพรม ที่ทำจากไนลอน หรือขนสัตว์