fbpx

RoHS คือมาตรฐานอะไร จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด มีกำหนดไว้กี่ชนิด

  • Home
  • เกร็ดความรู้
  • RoHS คือมาตรฐานอะไร จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด มีกำหนดไว้กี่ชนิด
RoHS คือมาตรฐานอะไร จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด มีกำหนดไว้กี่ชนิด

RoHS คือมาตรฐานอะไร จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด มีกำหนดไว้กี่ชนิด

ในโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้ามักจะส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม จึงต้องมีมาตรฐานที่ออกมาควบคุมสารอันตรายต่างๆ ดังนั้น RoHS จึงจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ในบทความนี้เราจะมาให้คำตอบว่า RoHS คืออะไร จัดตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด แล้ว RoHS มีกี่ชนิด มีสารอะไรบ้างที่ต้องถูกควบคุม บังคับใช้ไหนประเทศไหน และมีวิธีการเลือกอุปกรณ์ต่างๆ อย่างไร
RoHS คืออะไร?

RoHS คืออะไร?

RoHS คือกฎระเบียบที่มุ่งเน้นไปที่การควบคุมการใช้วัสดุอันตรายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า โดย RoHS ย่อมาจาก Restriction of Hazardous Substances ซึ่งเป็นข้อบังคับในสหภาพยุโรปที่จัดตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2002 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 โดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จะต้องมีคำว่า RoHS Compliant, Green, Pb-Free หรือสัญลักษณ์วงกลมที่มีตัวอักษร “Pb” คาดด้วยเส้นเฉียง ซึ่งจะไม่ได้เป็นการกำหนดออกมาตายตัว ดังนั้นสินค้าแต่ละยี่ห้อจึงแตกต่างกันออกไปนั่นเอง
วัตถุประสงค์ของการมี RoHS

วัตถุประสงค์ของการมี RoHS

วัตถุประสงค์ของการมี RoHS คือการปกป้องสิ่งแวดล้อมจากสารบางชนิดที่พบได้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ลดมลพิษในดินและน้ำที่เกิดจากการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และยังมีเหตุผลอีกหลายประการ ได้แก่

  • ช่วยจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างปลอดภัย
  • ช่วยลดต้นทุนการกำจัดขยะ
  • ช่วยให้รีไซเคิลวัสดุต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น
  • ช่วยให้วัสดุรีไซเคิลมีพิษน้อยลง และนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยในการลดอุปสรรคทางการค้าขาย
สารอันตรายที่ถูกจำกัดตามมาตรฐาน RoHS

สารอันตรายที่ถูกจำกัดตามมาตรฐาน RoHS

มีข้อยกเว้นสำหรับอุปกรณ์บางอย่างที่ยังไม่สามารถใช้สารอื่นมาทดแทนได้ หรือสารที่ใช้ทดแทนจะมีอันตรายมากกว่า ดังนั้นสารต้องห้ามจึงยังมีความจำเป็น และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ทั้งนี้สารต้องห้ามยังคงควบคุมให้ใช้อยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่ไม่เป็นอันตราย มาดูสารต้องห้าม 10 ชนิด ที่มาตรฐาน RoHS จำกัดไว้ มีอะไรบ้างมาดูกัน

1. ตะกั่ว (Lead หรือ Pb)

สารต้องห้าม RoHS ที่ถูกจำกัดตัวแรกคือ ตะกั่ว ซึ่งเป็นสารโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถหลอมเหลวได้ เป็นพิษต่อระบบประสาท โดยเฉพาะในการพัฒนาทารกในครรภ์และเด็กเล็ก นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกายอีกด้วย พบมากในแบตเตอรี่ ส่วนผสมในสี พีวีซี ไอซี แผ่นวงจรพิมพ์ ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

2. ปรอท (Mercury หรือ Hg)

ปรอท เป็นโลหะที่อยู่ในรูปแบบของเหลว มีพิษต่อระบบประสาทที่สามารถทำลายสมอง ไขสันหลัง ไต และตับได้ มีความเสี่ยงต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์โดยเฉพาะ พบมากในหลอดไฟ สวิตช์ เครื่องมือวัด ตัวปรับอุณหภูมิ รีเลย์ ส่วนผสมในพลาสติกบางชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติกันเชื้อราได้ ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

3. แคดเมียม (Cadmium หรือ Cd)

แคดเมียม คือ สารโลหะทรานซิชันสีขาวฟ้า มีพิษ เป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง ที่อาจสร้างความเสียหายให้กับปอด และอาจทำให้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก พบมากในแบตเตอรี่ ส่วนผสมในสี พีวีซี จอภาพรุ่นเก่า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.001%

4. เฮกซะวาเลนท์ (Hexavalent Chromium-VI หรือ Cr-VI)

สารต้องห้าม RoHS ที่ถูกจำกัดถัดมาคือ เฮกซะวาเลนท์ หรือที่เรียกกันว่า โครเมียม-6 เป็นสารอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อยีน จัดอยู่ในสารก่อมะเร็ง อาจทำให้เป็นมะเร็งปอดได้ หากมีการสูดดมเข้าไปในปริมาณเข้มข้นสูง และยังระคายเคืองต่อผิวหนังอีกด้วย พบได้ในแบตเตอรี่ อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน สารเคลือบป้องกันการกัดกร่อน ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

5. โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ (Polybrominated Biphenyls หรือ PBB)

โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ เป็นสารหน่วงการติดไฟที่สามารถสะสมในสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์ป่า ไม่ค่อยพบแล้วในปัจจุบัน เพราะส่วนใหญ่เลิกผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

6. โพลีโบรมิเนต ไดเฟนนิล อีเธอร์ (Polybrominated Diphenyl Ethers หรือ PBDE)

โพลีโบรมิเนต ไดเฟนนิล อีเธอร์ เป็นส่วนผสมในพลาสติก เพื่อป้องกันการลุกเป็นไฟ สามารถสะสมในสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงต่อสุขภาพ พบได้ในแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สายไฟ ขั้วสายไฟ ที่ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

7. Bis (2- เอทิลเฮกซิล) พาทาเลต (Bis (2-Ethylhexyl) Phthalate หรือ DEHP)

Bis (2- เอทิลเฮกซิล) พาทาเลต หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า DEHP เป็นกลุ่มสารเคมีที่ใช้ทำให้พลาสติกมีความยืดหยุ่นและแตกหักยาก เป็นสารอันตรายก่อให้เกิดมะเร็งได้ ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อ ทำให้ระบบสืบพันธุ์มีปัญหา มักถูกใช้เป็นพลาสติไซเซอร์ในการผลิตผลิตภัณฑ์โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) เช่น สายไฟ เป็นสารต้องห้าม RoHS ที่ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

8. เบนซิล บิวทิล พาทาเลต (Benzyl Butyl Phthalate หรือ BBP)

เบนซิล บิวทิล พาทาเลต เป็นสารที่คล้ายกับ DEHP มักถูกใช้เป็นพลาสติไซเซอร์ในการผลิตพลาสติกชนิดต่างๆ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและความทนทาน เช่น เคเบิล สายไฟ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางชนิด เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

9. ไดบิวทิล พาทาเลต (Dibutyl Phthalate หรือ DBP)

ไดบิวทิล พาทาเลต หรือ DBP เป็นสารประกอบทางเคมีที่จะใช้เติมลงในพลาสติกเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ความทนทาน และความโปร่งใส การสัมผัสกับ DBP ส่งผลเสียต่อสุขภาพ การเจริญพันธุ์ และพัฒนาการ เป็นอันตรายต่อร่างกาย มักพบได้ในสายไฟ ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%

10. ไดโอโซบิวทิลพทาเลต (Diisobutyl Phthalate หรือ DIBP)

ไดโอโซบิวทิลพทาเลต หรือ DIBP เป็นสารประกอบทางเคมีเช่นเดียวกับพทาเลทอื่นๆ มักใช้เป็นพลาสติไซเซอร์ ถูกเติมลงในพลาสติกเพื่อปรับปรุงความยืดหยุ่นและความทนทาน มักใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงสายเคเบิล สายไฟ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นสารอันตรายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ และการเจริญพันธุ์ เป็นสารต้องห้าม RoHS ที่ถูกจำกัดปริมาณให้มีได้ไม่เกิน 0.1%
ประเภทสินค้าตามมาตรฐาน RoHS

ประเภทสินค้าตามมาตรฐาน RoHS

ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรการเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่กำหนด โดยครอบคลุมเกือบทุกประเภท อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า 10 ประเภทที่อยู่ในข้อกำหนด RoHS คือ

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในครัวเรือน เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในครัวเรือน เช่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องเป่าผม เครื่องปิ้งขนมปัง
  • อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น โทรทัศน์ วิทยุ เครื่องเสียง
  • อุปกรณ์ไอทีและโทรคมนาคม เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง
  • อุปกรณ์ที่ให้แสงสว่าง เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หลอดโซเดียม
  • เครื่องมือไฟฟ้า เช่น จักรเย็บผ้าไฟฟ้า เลื่อยไฟฟ้า สว่านไฟฟ้า 
  • ของเด็กเล่น เช่น รถบังคับไฟฟ้า วิดีโอเกม
  • เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น อุปกรณ์ทางรังสีต่างๆ
  • อุปกรณ์ในการวัดหรือควบคุม เช่น แผงควบคุมต่างๆ เทอร์โมสตัด ตัวปรับอุณหภูมิ เครื่องจับควัน
เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เช่น ตู้กดเครื่องดื่ม ตู้กดขนม ตู้ ATM

มาตรฐาน RoHS มีผลในประเทศไหนบ้าง

นอกจากประเทศในสหภาพยุโรป ก็จะมีประเทศอื่นๆ ที่ใช้มาตรฐาน RoHs นี้ด้วยคือ สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัฐเซีย จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อินเดีย ตุรกี ยูเครน บราซิล และนอร์เวย์ RoHS ได้รับความสำคัญระดับนานาชาติ ไม่เพียงแต่เนื่องจากประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเนื่องจากมีอิทธิพลต่อการค้าโลกด้วย สิ่งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการผลิต โดยบริษัทต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับมาตรฐานนี้
เลือกอุปกรณ์ที่มี RoHS อย่างไร ถึงปลอดภัย

หลักในการเลือเลือกอุปกรณ์ที่มี RoHS อย่างไร ถึงปลอดภัยกซื้อแบตเตอรี่ UPS

การเลือกเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ที่มี RoHs คือ การเลือกอุปกรณ์ที่เป็น Pb-Free หรือ RoHS โดยอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตออกมามักจะเป็น Pb-Free ซึ่งอาจจะมีการเพิ่มตัว ‘G’ เข้าไปใน Part Number ซึ่งสามารถใช้แทนกันได้ แต่มีข้อดีคือทนความร้อนได้สูงกว่า เนื่องจากสารที่ใช้เชื่อมีจุดหลอดเหลวที่สูงขึ้นนั่นเอง

สรุปแล้ว RoHs คือ มาตรฐานที่กำหนดมาเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานเครื่องมือหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า มีจำกัดสารอันตราย 10 อย่าง เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม โครเมียม-6 เป็นต้น แม้ในไทยยังไม่ได้พูดถึงมาตรฐานนี้มาก แต่ก็ควรซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งที่ Chuphotic ขายแต่สินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะใช้งานอุปกรณ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเราได้อย่างปลอดภัย รวมถึงยังมีบริการหลังการขายที่ดีคอยดูแลคุณอีกด้วย

Leave A Reply